สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 28 มี.ค. 67
ตามล่าปลาทรายแดง(3) : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 6 - [6 ก.ย. 47, 09:34] ดู: 5,599 - [23 ก.พ. 67, 09:53] โหวต: 2
ตามล่าปลาทรายแดง(3)
ป.ประจิณ (232 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
2 ก.ย. 47, 22:28
1
ตามล่าปลาทรายแดง(3)
ภาพที่ 1
                 

    ลุงหมานถือท้ายเรือไปตามเส้นทางที่ไต๋หมีตั้งไว้ ถึงตัวเองจะไม่ค่อยชำนาญเท่า แต่เป็นช่วงกลางวัน พอเป็นผู้ช่วยได้ดี อาศัยว่าช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมาเคยตกระกำลำบากแทบจะเอาชีวิตไม่รอดจากการเข้าไปทำไม้ในป่าเขมร จากนักลงทุนผู้หวังความร่ำรวยคนหนึ่ง กับทรัพยากรที่มีมากมายของประเทศเพื่อนบ้าน เครื่องจักรถูกขนเข้าไปตั้งโรงเลื่อยกับพวก โค่นไม้ ทำลายป่า รวมหมอนไม้ไว้มากมาย ทยอยออกมาขายได้นิดหน่อยยังไม่ทันได้คุ้มทุน ก็โดนหักหลัง เกือบจะถูกฆ่าหมกป่า ต้องซ่อนเร้นหลบหนีจากการตามล่า ท่ามกลางดงระเบิดอยู่หลายคืนกว่าจะเข้าถึงเขตไทย
      เมื่อหมดเนื้อหมดตัว จะกลับบ้านมือเปล่าได้อย่างไร สุดแสนจะชอกช้ำใจ จึงไปอยู่กับเพื่อนที่เป็นไต๋เรือได ออกหาตกปลาขายแถวทะเลตราด เป็นทั้งลูกเรือและไต๋ จากเกาะกูดถึงเกาะกง ลุยมันไปทุกที่ที่มีปลาให้ตก ปลาอะไรก็ได้ขอเพียงให้ได้ราคา แลกกับเงินพอคุ้มค่าน้ำมัน เหล้า ผู้หญิงยามขึ้นฝั่ง
      โดยเฉพาะปลาอินทรี เป็นปลาที่มีอย่างชุกชุม ตลาดต้องการมากที่สุด ถึงราคาจะไม่ค่อยดี แต่ด้วย จำนวนปลาหลายร้อยตัวต่อการออกเรือน้ำหนึ่ง จึงท่องเที่ยวไปได้ทั่วในน่านน้ำย่านนี้ ช่วงแรกออกเรือใกล้ ๆ ฝั่งก็พอได้กำไร แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นาน สู้เรืออวนลาก อวนลอยไม่ไหว ปลาเริ่มบางตัวลง สุดท้ายก็ทนสู้ค่าใช้จ่ายไม่ได้ เมื่อต้องออกเรือไปไกล ๆ ถึงกลางอ่าวไทย ด้วยดาวเทียมรุ่นแรก ๆ ที่แกยังเก็บไว้อยู่จนทุกวันนี้ เมื่อทะเลหมดอนาคตก็ขึ้นฝั่งมาคุมงานก่อสร้าง เป็นความฝังใจที่เจ็บลึกของชีวิตลูกผู้ชายมาดเข้มคนนี้
…ไอ้ไชโยมันลากเบ็ดอยู่ท้ายเรือ มันจะได้รู้ว่าข้าก็ขับเรือได้ ไม่ใช่ตกปลาเป็นอย่างเดียว เป็นไต๋มันยากกว่าเยอะ ต้องอ่านน้ำอ่านลม รู้จักแหล่งหมาย เทคโนโลยีฯ ที่ใช้ในการเดินเรือ เครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ ตลอดจนความปลอดภัยของผู้โดยสาร แค่ถือคันเบ็ดสวย ๆ มีเหยื่อหลากสีไว้ลากสาย ตีปลา ลงทะเลไม่กี่ครั้ง ตกปลาใหญ่ได้หน่อย ก็ตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์  ออกล่าแบบล้างผลาญ เพื่อขายบริการกับอุปกรณ์ เพิ่มกระแสบริโภคนิยม จนเกินความพอดี…
…  บางคนถือว่าตัวเองมีเงินจ่ายค่าเรือ มันก็จะสั่งไต๋ให้หันซ้ายหันขวา ไปตามที่มันต้องการ จะเอาปลามาก ๆ ตัวใหญ่ ๆ ย้ายหมายบ่อย ๆ ไม่ได้ดังใจมันก็เอาไปเขียนด่า หรือก็ไม่มาลงเรืออีกเลย เห็นมามากแล้ว ไต๋จะเอาอะไรไปตอบโต้ ได้แค่โมโหแล้วก็นิ่ง เพราะส่วนมากก็เขียนอ่านไม่เก่ง จึงถูกเล่นงานมาตลอด… 
… ดีไปอย่างที่ไอ้ไต๋หมีมันไม่ยึดเป็นอาชีพ ยอมก้มหัวเหมือนพาพวกไปฆ่าเพื่อน เพื่อหวังเพียงค่าจ้างอย่างเดียว ถึงมันจะไม่รวย แต่มันก็มีเพื่อนดี ๆ มากมาย ช่วยกันออกค่าใช้จ่ายในการออกทะเลทุกครั้ง โดยไม่ได้หวังตกปลาให้ได้มาก ๆ มันยอมเหน็ดเหนื่อย ทิ้งการทิ้งงาน เดินทางแสวงหาอะไรสักอย่าง เพื่อทะเลที่มันรัก ดูมันเป็นคนขวางโลก มีความคิดแปลก ๆ ผิดหรือถูกก็ไม่รู้ เที่ยวนี้ก็เช่นกัน ใครมันจะบ้าเดินทางเป็นร้อยไมล์ ตามหาปลาทรายแดง เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน ดูซิหลับเป็นตายเลย ถ้าเราไม่มาใครจะช่วยมันขับเรือ หนทางยังไกลนักเพื่อนเอ๋ย !..
…ไต๋หมีมันบ่นอยู่เสมอว่าวงการตกปลาเมืองไทยเมื่อไรจะพัฒนา? ไม่แต่เฉพาะนักตกปลาเท่านั้น คนเรือเองก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ทำใหม่ ไต๋หรือกัปตัน ควรจะเป็นผู้กุมชะตากรรมของท้องทะเลด้วยเช่นกัน ช่วยกันลดความละโมบของตัวเอง นักตกปลาลงบ้าง ปลาอะไรสมควรให้ตกได้ มากน้อยขนาดไหน ถึงจะเป็นการล่า เพื่อความสนุกสนาน กีฬา หรืออาหารก็ตาม แต่ก็ต้องรู้จักการอนุรักษ์ไว้บ้าง ก่อนจะสายเกินแก้ เดินทางไกลแสนไกล เพื่อหาปลาให้ได้ชื่นใจสักตัว …
… เห็นว่าประเทศที่เขาเจริญแล้ว กัปตันเรือทั่วไปจะมีความรู้เรื่อง ชีววิทยา และระบบนิเวศน์เป็นอย่างดี มีบทบาทมากในการควบคุมกฎกติกาของรัฐ ไม่ปล่อยกันอย่างบ้านเรา ให้นักตกปลาเป็นพระเอก ครอบแนวคิดแบบทุนนิยมให้วงการ ออกตกปลาเหมือนการค้าหากำไร อุปกรณ์ส่วนใหญ่ก็สั่งมาจากนอก ถึงจะดีเด่นขนาดไหน เราก็ขาดดุลการค้าอยู่ดี ถ้าขาดจิตสำนึกของคนใช้ด้วยแล้ว  ทั้งคนทั้งทะเลไทยดูน่าเป็นห่วง เมื่อเป็ดตกปลามีค่าเท่ากับแหอวน ก็ไม่ใช่อุปกรณ์การกีฬา ที่ทำให้เกิดการชี้นำทางสร้างสรรค์ หรือน้ำใจที่ดีงามสำหรับคนเล่น …
  …  หลายคนคิดว่าการตกปลาเป็นสังคมของคนส่วนน้อย ของเกมการล่า แต่ทว่าคนกลุ่มนี้ล้วนแต่มีความรู้ การศึกษาดี ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าเขาเหล่านี้ไม่มีความคิดริเริ่มก่อน จะไปหวังให้คนเรืออาชีพซึ่งมีความรู้น้อยกว่าทำได้อย่างไร? ไต๋ก็กลัวจะอดตาย หรือต้องกลับไปทำประมงแบบล้างผลาญเหมือนเดิม ถึงจะคุ้มค่าใช้จ่าย ข้าเองก็เคยเป็นไต๋มาก่อน
      “พี่หมานปลาฉวยแล้ว” เสียงตะโกนจากท้ายเรือ
      ปลาเข้าฉวยเหยื่อปลาปลอมขาดไปยังไม่ทันที่เรือจะชลอความเร็วลง กว่า 6 ชั่วโมงกลางทะเลลึกก็ยังมีเรือลากคู่ ลากเดี่ยว เรือเฝ้าซั้ง ให้เห็นอยู่ตลอด ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมพื้นน้ำอีกครั้ง แสงดาวระยิบระยับนับล้านดวงเปล่งแสงออกทักทายผู้ร่วมทาง ภายใต้ท้องฟ้าที่โปร่งเบา ไร้หมู่เมฆบดบัง ลมทะเลพัดโชยมาอ่อน ๆ ลอนคลื่นพริ้วรับสะท้อนเงาแห่งเหล่าดาราทั้งมวล หล่อหลอมเชื่อมพลังเข้าหากันเป็นหนึ่งเดียวทั้งพื้นโลกและจักรวาล ประสานสายสัมพันธ์ให้กับสรรพสิ่ง สรรพสัตว์  ล้วนเป็นบัญญัติแห่งฟ้าที่ผ่านมานมนาน ก่อนพุทธกาลเสียอีก
      ไต๋หมีงีบไปพักใหญ่ก็ตื่นขึ้นมาถือท้ายต่อ เพียงขอให้ลุงหมานนั่งเป็นเพื่อน การเดินเรือตอนกลางคืนนี้ค่อนข้างยาก และอันตรายสำหรับผู้ไม่ชำนาญ ความเร็วของเรือถูกลดเหลือ 5-6 ไมล์ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ดูจากจอดาวเทียม เส้นแผ่นดินที่ใกล้สุด 30 ไมล์ จากปลายแหลมสิงห์
      เป็นอีกคืนที่ไต๋ได้ปลดปล่อยพันธนาการทั้งหลายไว้ชั่วขณะหนึ่ง จนกว่าภารกิจแห่งฟ้า หรือโชคชะตาลิขิตจะสำเร็จ ไม่ต้องถึงสรวงสวรรค์ แต่นรกก็น่าจะรับรู้ถึงความตั้งใจของชายคนนี้ ผู้ที่ผ่านวันเวลาแห่งการล่ามาเกือบครึ่งชีวิต ทั้งทะเล และป่าเขาลำเนาไพร เผชิญภัยอันตรายหลากหลายรูปแบบ ทั้งเจ็บทั้งแสบแสนสาหัส จนต้องหันเข้าหาธรรมะ เพื่อค้นหาสัจธรรม ถ้ายังมีลมหายใจ เขาขอทำงานรับใช้ธรรมชาติ ไถ่บาปที่ทำมา เพื่อความสุขของตัวเอง และเพื่อนร่วมโลก แม้ได้เพียงเศษเสี้ยวธุลีทรายก็ยังดี
    “รู้มั้ยทิดหมาน ทุกครั้งที่ถือท้ายผมรู้สึกเหมือนเป็น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส กัปตันเรือชาวอิตาลี  เขาเดินเรือจากบ้านเกิดพร้อมลูกเรือ 90 คน ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปทางตะวันตก จนไปถึงเกาะบาฮามาส เป็นผู้ค้นพบโลกใหม่ของอเมริกาโดยบังเอิญ”ไต๋รู้สึกมันในอารมณ์เหมือนได้ย้อนเวลาหาอดีตกับนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ ลุงหมานฟังแล้วก็อดไม่ได้
    “งั้นผมก็เป็น เจมส์คุก นักเดินเรือชาวอังกฤษ ก็แล้วกัน เขาได้ค้นพบทวีปออสเตรเลีย ใหญ่กว่าของไต๋อีก” ลุงหมานคุยทับ
    “ตอนนั้นยังไม่มีดาวเทียม หรือแผนที่เดินทางแบบที่เห็น ทิดหมานไปได้อย่างไร ไม่กลัวโจรสลัดดักปล้นเอารึ?”
      “ไม่เห็นจะน่ากลัว ผมนี่แหละหัวหน้าโจรตัวจริง คืนนี้ไชโยโดนปล้นคันเบ็ดแน่”ลุงหมานดื่มเบียร์พลางก็คุยไปด้วย
    “ มันต้องใช้วิชาดาราศาสตร์ ตามสูตรโบราณอย่างผู้เชี่ยวชาญ ต้องรู้จักทิศทางของดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  ดาวฤกษ์และดาวพระเคราะห์ หรือรวมเรียกว่าวัตถุท้องฟ้า ว่าตามตำบลที่เรือและเวลาต่าง ๆ กัน วัตถุเหล่านั้นจะอยู่ที่ใดมุมสูงแค่ไหน ต้องรู้จักดาวเหนือ ดาวหมีใหญ่ ไต๋รู้จักหรือเปล่าดาวพวกนี้น่ะ”ลุงหมานยกตำราขึ้นมาเล่าเป็นฉาก ๆ จนไต๋อดทึ่งไม่ได้ว่าแกรู้จริง
      “ภายใต้อิทธิพลวงโคจร ชีวิตของคนหรือดวงดาวก็ตามคล้ายกันทิดหมาน “
      “คล้ายกันอย่างไร ดาวอยู่บนฟ้า ข้าอยู่บนดินมีเบียร์กิน สบาย…ใจ”
    “นี่.. ว่ากันตามกฎธรรมชาติที่ต้องเป็นไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  คือความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความไม่มีตัวตน ดวงดาวก็เหมือนสังขารของคนเรานี่แหละ ย่อมมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นกัน”
      “แล้วไงล่ะ”
    “ลองแหงนดูสีของดวงดาวเหล่านั้นสิ ! มีหลายสี แต่ละสีจะเป็นตัวบอกช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตดาว  สีฟ้าแทน-ดาวเด็กเล็ก  สีขาว-ดาววัยรุ่น  สีเหลือง-ดาวหนุ่มสาว  สีส้ม-ดาวแก่  สีแดง-ดาวเจ็บ และสีดำ-ดาวตาย  ตอนนี้ชีวิตเราเป็นดาวดวงไหนละ?”
    “เฮ้ย! ดูไต๋ท่าจะบ้าไปแล้ว จะไปตกปลาหานิพานหรือไงวะ?.. เมื่อไรจะถึงเรือแก๊ส เอาเบียร์สักหน่อยมั๊ย?”ลุงหมานดึงความคิดของไต๋ที่หลุดลอยไปไกลให้กลับมา
    “ไม่ดีกว่า อีก 15 ไมล์  2 ทุ่มกว่าคงจะถึง คืนนี้เรานอนตกปลาที่นั่นแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
    “ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่เรือแก๊สถูกย้ายมาอยู่ตรงนี้ผมไม่เคยตกมาเลย ไม่รู้ว่าปลายังแยอะเหมือนเดิมหรือเปล่า ไต๋เคยมาหรือยัง ?”
    “ประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมากับผู้กำกับปรีชา เจ้าของเรือที่เราขับอยู่นี่แหละ ท่านเอาเรือตี๋ใหญ่ออกมา ช่วงนั้นปลาชายฝั่งชักบางตัวแล้ว ที่นี่ปลาแยะมาก ตกกันทั้งคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน ได้ไปสองร้อยกว่ากิโล ส่วนมากก็เป็นปลาตามซากเรือจมทั่วไป สาก อั้งเกย กระพงแดง กระมง เรนโบร์หลายสิบตัว ฉวยกันให้มั่วจนเหยื่อหมดก่อนสว่าง“
    เรือแก๊สจุดเดิมจมในแนวตั้ง อยู่ที่ระดับน้ำลึก 60 เมตร มองลงไปยังเห็นหัวเรือได้ชัดเจน นักดำน้ำชอบกันมาก มีซื่อเสียงไปทั่งโลก ด้วยเป็นลำเดี่ยวที่จมแบบดิ่ง ตอนหลังเกิดลอยขึ้นมา ทหารเรือจึงลากมาระเบิดนอนจมอยู่ตรงนี้ห่างจากจุดเดิม 23 ไมล์เมื่อไม่นาน หวังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมเพราะความลึกของน้ำมากเกินไปสำหรับมือใหม่
    เรือวิ่งต่อมาอีกสักพักก็ถึงหมายเรือแก๊ส ที่ระดับน้ำลึก 40 เมตร มีเรืออวนล้อมปั่นไฟอยู่ห่าง ๆ ไต๋วนเรือหาท่ามกลางความมืดหลายรอบ จนเรือเกือบจะชนเข้ากับทุ่นเหล็กที่ผูกไว้โดยไม่มีสัญญาญไฟ ภาพจากจอซาวเดอร์ขึ้นสีแดงเห็นซากเรือสูงจากพื้นดิน 5 เมตร ยอดเสาอยู่ที่ความลึก 30 เมตร มีเชื้อปลายอดเรือพอสมควร ห่างจากซากมีจุดกระจายของปลาใหญ่เล็กน้อย น้ำกำลังลง ไต๋สั่งทิ้งสมอห่างจากซากออกมาเมื่อสมอตึงประมาณเจ็ดสิบเมตร เมื่อเรือเข้าที่แสงไฟจากไดเล็กก็สว่างขึ้น ถึงเวลาช่วยกันหุงหาอาหาร ตกปลา เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมีความสุขที่สุดภายหลังการเดินทางมานาน
 












ตามล่าปลาทรายแดง(3)
ภาพที่ 2
“ไต๋หมึกเป็นเราเหลือสิบกว่าตัว นอกนั้นตายหมด สงสัยตอนเราจอดที่ช่อง เห็นมีคราบน้ำมันลอยอยู่ด้วย” ไชโยพูดขึ้นเมื่อเปิดห้องเหยื่อเตรียมที่จะลงเบ็ด
    “เหยื่อตายมันก็กินไอ้น้องถ้ามันหิว เมื่อก่อนตอนพี่เจ๊งมาจากเขมร เคยตะเวณตกปลาขาย ไปทั่วกลางอ่าว หมึกตาย ปลาตาย ยังตกได้เที่ยวหนึ่งหลายร้อยกิโล”
    “รุ่นพี่หมาน กับรุ่นผมมันต่างกัน ช่วยสอนผมหน่อยนะพี่ อย่ารีบหนีไปนอนก่อนล่ะ”
    “ได้เลยไอ้น้อง เอาหมึกตายมาต้มน้ำดำหม้อหนึ่งก่อน เล่นไข่มาหลายมื้อแล้วลากสายครึ่งวันจะหาปลาอินทรีทอดสักตัวก็ไม่ได้”
    ลุงหมานพึมพำ ว่าถ้าตัวเองลากเบ็ดวันนี้ต้องได้ปลาแน่  ไต๋ก็ดันให้ถือท้าย ไชโยมันมือใหม่ เลยอดกับแกล้ม เดี๋ยวคืนนี้ต้องสอนมวยมันเสียหน่อย หนอยแน่ไอ้เด็กรุ่นน้องเห็นเมาแล้วงีบ มันแซวเราได้
      “ไม่เป็นไรหรอกไชโย เหยื่อแค่นี้ก็พอใช้ แลกปลาพอได้เป็นอาหาร เราไม่จำเป็นต้องเอามาก ลงเบ็ดไปก่อนเลย จะไปดูน้ำมันเครื่อง” ไต๋มุดเข้าไปใต้ท้องเรือ
    ไชโยลงเบ็ดที่ด้านท้ายเรือไปสองคัน ขณะที่น้ำลงแรง ตะกั่วลูกใหญ่ก็แทบจะถ่วงสายเบ็ดไม่อยู่ มีปลากัดเหยื่อไปหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ติด เหวียนกับลุงหมานช่วยกันหุงหาข้าวปลาอาหาร หมึกต้มน้ำดำอร่อยจริง ๆ  อาจเป็นเพราะความสด หรือทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางจึงกินกันเกลี้ยงหม้อ
    หลังอาหาร ลุงหมานก็งัดเบ็ดขึ้นมาสามคัน รอกสีทองสวยเด่นเมื่อกระทบแสงไฟ ทำเอาไชโยน้ำลายไหลเมื่อเห็นรอกของนักตกปลารุ่นใหญ่ ของที่ตัวเองใช้ดูด้อยไปเลยในสายตา ขณะกำลังชื่นชมเสียงลุงหมานก็ดังขึ้นมา
      “ไอ้น้องย้ายเบ็ดไปบักข้างเรือ ไป สายลอยแบบนี้ปลาที่ไหนมันจะกินวะ คอยดูนี่ มันต้องทำแบบมืออาชีพ นี่วิธีผูกสายหน้า  เทคนิคการเกี่ยวเหยื่อตาย ต้องปล่อยสายหน้ายาวหน่อย ก่อนเอาตะกั่วลูกโต ถึงจะสู้กระแสน้ำได้ รัดด้วยหนังยาง ผูกแน่นกับเอ็น แล้วค่อย ๆ ปล่อยลงน้ำไป “ ลุงหมานลงเบ็ดทีเดียวสองคันรวดยึดพื้นที่ท้ายเรือไว้หมด คันใหญ่สาย50 พิงไว้ก่อนที่หน้าห้องน้ำ
    “ผมอยากเล่นลูกหมูตกไงครับอาจารย์?”
    “เฮ่ย ! เก๋าใหญ่มันชอบกินตอนดึกๆ ตกปลาเล็กไปก่อน เดี๋ยวข้าจะให้เย่อ เปิดลังเอาเบียร์มาเซ่นเจ้าที่ก่อน” ลุงหมาน นึกในใจมันได้ข้อมูลมาจากไหน
    “แปลกจริง ๆ ใครออกเรือมามันก็จ้องแต่จะตกไอ้ลูกหมู ถ้าไม่ได้ถือว่ามาไม่ถึงกลางอ่าว เมื่อก่อนใกล้ ๆ ฝั่งก็หาตัวได้ไม่ยาก ตอนนี้ออกมาห้าสิบไมล์ ร้อยไมล์ จะหาทำยาโด๊ปสักตัวยังลำบาก เองมือใหม่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ”
    “เจ้าที่สถิตอยู่ท้ายเรือหรือครับพี่?”ไชโยก็รู้ว่าท้ายเรือถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับนักตกปลา
จึงแซวพร้อมกับส่งเบียร์ให้ ก่อนย้ายเบ็ดออกมาหลีกทางให้กับรุ่นพี่ คอยดูวิธีการตกปลาน้ำลึกว่าเขาทำกันอย่างไรถึงจะได้ตัว อย่างคนอื่นเขา ลูกหมูตัวโต ๆ พุงใหญ่ ๆ อยากเจอะสักครั้ง จะได้ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน ๆ ให้ทำอะไรก็ยอมรับฟังแต่โดยดี
    เวลาผ่านไปหลังเที่ยงคืนปลาก็เริ่มฉวย ไชโยอัดปลาสากได้สองตัว ตัวหลังเป็นปลาสากดำขนาดใหญ่ เล่นเอาลุงหมานที่เมาเอนตัวหลับพิงลังน้ำแข็งอยู่สะดุ้งตื่น เมื่อเหวียนเปิดถังแช่ปลา เสียงแกบ่นพึมพำ เสียหน้านักตกปลารุ่นเก่าหมดเมาเป็นหลับ ขยับเป็นดื่ม
    “พี่หมาน ปลามันฉวยข้างเรือ ฮา ฮา สงสัยเบ็ดพี่เหยื่อหมดไปนานแล้วสองชั่วโมงไม่ได้ดูเลย”
    “เรื่องของปลามัน ถือว่ามาพักผ่อน ถึงนอนก็มีน้องตกปลาให้กิน ฮิฮิ”
    “นี่ก็ดึกแล้วได้เวลาของลูกหมูหรือยังละพี่ ?”ไชโยเร่งเร้าอยากที่จะอัดลูกหมูเหมือนที่เคยดูจากหนังสือ
    ลุงหมานไม่ตอบลุกขึ้นหยิบคันเบ็ดหน้าห้องน้ำเตรียมออกมาลงอีกคัน ไชโยมองไปที่ขอบแสงไฟสายตาจับจ้องหมึกหอมที่เขามาไล่กินลูกปลา พร้อมโยนกุ้งปลอมหลอกล่อ สักพักหมึกใหญ่ตัวหนึ่งหลงกลถูกดึงขึ้นเรือ พร้อมกับพ่นน้ำหมึกใส่หน้า เสื้อผ้า ตามพื้นเรือ จนร้องยี้ต้องรีบเข้าห้องน้ำล้าง ยังไม่ทันเสร็จเสียงรอกก็ดังขึ้น ลุงหมานร้องเสียงหลง
    “ เฮ้ย – เอาแล้ว – ใหญ่แน่ – ใช่เลยลูกหมู – มาไชโย - ไวไว  - เอาเบ็ดไป เหวียนเอาเข็มขัดมาให้หน่อย ตัวแรกนะไอ้น้อง ค่อย ๆ เล่น อัดเสียให้สะใจ ระวัง ! อย่าให้เข้าซากเรือ “
    ลุงหมานส่งคันให้ แล้วคอยกำกับ คันโค้งงอตามแรงดึง สาย 50 ปอนด์ตึงเปี๊ยะ เบรคแข็งเกือบจะสุด ไชโยประคองคัน พยายามเก็บสายเข้ามาที่ละเล็กละน้อย ๆ น้ำยังแรง ดูเหมือนปลาจะไม่ยอมง่าย ๆ ลากสายออกไปอีก ป่ายซ้ายที ขวาที  เหวียนช่วยลุ้น เอาผ้าขี้ริ้วเช็ดน้ำหมึกที่พื้นกลัวจะลื่น
    “มันแรงมากกว่าอัดปลาบึกอีกพี่หมาน สะใจจริง ๆ”
    “ปลาบึกมันปลาบ่อ จะสู้ลูกหมูได้ไง”
    ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไชโยเหงื่อแตก แขนเริ่มล้า แต่ก็สู้ไม่ยอมถอยด้วยคิดว่าเป็นปลาตัวแรก ใหญ่สุดเท่าที่เคยตกมา จะว่าไปลุงหมานแกก็ใจดี ถึงจะขี้เมา ก็ยังยอมให้โอกาสเด็กรุ่นน้องได้เกิด ต้องเอาตัวมันมาอวดอาจารย์หน่อย เก็บสายได้บ้างแล้ว โยกอัด อีกนิดเดียวก็จะถึงตะกั่ว ลุงหมานถือตะขอไว้ในมือ ปากก็หัวเราะร่า
    “มาเลยไอ้หนู ลูกหมูของข้า ฮา ฮา” ไต๋นั่งตกปลาดูอยู่ก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นคู่กัดช่วยเหลือกันดี
    “ ดีมากไชโย อัด โยก นั่น  อย่างนั้น  เอาตะกั่วมาเด็ดก่อน ผ่อนเบรกด้วย” ลุงหมานจับสายเอ็นดึงหนังยางหันหลังให้ไชโยที่ยืนหอบแทบจะหมดแรงยกคันเบ็ด
    เปรี๊ยะ..! เสียงสายขาด
    “บอกให้ผ่อนเบรก ๆ ไม่ได้ยินรึไง?” ลุงหมานโวย ไชโยหน้าจ๋อยด้วยความเสียดาย
    “ไม่เป็นไร ถือว่าได้มันส์แล้ว เอาใหม่ ให้ใหญ่กว่าเก่า” เหวียนช่วยปลอบใจ
    ผ่านไปช่วงดึกมีปลาอั้งเกยขนาดกำลังสวยฉวยเบ็ดขึ้นมาอีก 2-3 ตัว น้อยมากเมื่อเทียบกับอดีต ตอนที่เรือลำนี้จมอยู่จุดเดิม
    “ทำไม ปลามันถึงน้อยแบบนี้ไต๋ ย้ายไปที่ใหม่ดีกว่า  มีตรงไหนบ้างล่ะ” ไชโยเสนอความคิด
    “ผมก็ว่าดีเหมือนกัน เราได้ไม่กี่ตัวเอง” ลุงหมานเสริม
    “ มีเรือหล็กอีกลำห่างจากนี่ไปสองชั่วโมง กัปตันเดชาเพิ่งจะกลับไป ก็ได้ปลาไม่มาก ออกนอกเส้นทางของเรา เหยื่อหมึกเป็นก็หมดแล้ว ถ้าไปเจอะเรืออวนล้อมอีกก็ไม่มีที่ไปสว่างพอดี” ลุงหมานนึกไม่ถึงว่าปลาจะลดลงมากขนาดนี้
    “เมื่อก่อนพวกปลาหน้าดิน ผมออกกลางอ่าวต้องรวยกลับไปทุกที นี่น้ำ ลม ก็เป็นใจ มันเกิดอะไรขึ้น”
    “ตอนนั้นที่ทิดหมานออกตกปลาขาย กลางอ่าวก็เปรียบเสมือนสาวพรหมจรรย์ หรือป่าดงดิบที่น้อยคนนักจะบุกบั่นเข้าไปถึง ตอนนี้ยังกับตลาดนัดพัทยาใต้ยามค่ำคืน ของสดหายาก ของคาวยาปลุกเซ็กส์หาง่ายกว่าเยอะ”
    ”นรกนัดโต้รุ่งล่ะไม่ว่าไต๋ แสงไฟไม่เคยดับก่อนฟ้าสางเลย ผมเล่นดนตรีอยู่นาน เข้าออกมันเกือบทุกบาร์”ไชโยแสดงความเห็น
    “นี่ก็เหมือนกันดูแสงไฟเรือไดล้อมรอบ ๆ นั้นซิ อีกไม่นานมันก็จะเหมือนแสงของดวงดาว ออกสีแดง และสีดำ”
    “เจ็บ แล้วก็ตาย”
    “แม่นแล้วทิดหมาน ยังอยากจะย้ายเรืออีกมั้ยล่ะ”
    “หัวน้ำขึ้นขยับหน่อยก็ดี ผมอยากให้ไชโยมันสนุก ได้อัดลูกหมูล้างตาอีกสักตัว จริง ๆ ผมกลัวมันจะเหงา”
    “กว่าน้ำจะขึ้นก็เกือบสว่าง แถวนี้เป็นน้ำเดี่ยว ใครง่วงก็นอน”
    “แค่นี้ผมก็สนุกแล้วครับพี่ ขอบคุณ ยังมีเวลาอีกมาก “ไชโยคิดว่าจะเฝ้ายันเช้า
    “ไต๋ไปนอนก่อนก็ได้ผมจะเฝ้าเรือให้เป็นเพื่อนไชโย”เหวียนพูดขึ้น
    ดึกมากแล้วอากาศเริ่มเย็นลง น้ำค้างจับทั่วไปตามเรือ ไต๋หมีตกได้ปลาเก๋าขนาดจานอีกตัวก็เก็บคันเบ็ดพอแล้ว ก่อนจะหนีไปนอน รู้สึกเหนียวตัว จึงเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำชำระล้างคราบเหงื่อไคล ประแป้งเย็น หอมสุขใจสบายตัว ออกมามองหาถังน้ำราดส้วมไม่พบก็ถามหา
    “ไชโยกระแป๋งน้ำหายไปไหนวะ?”
    “เมื่อกี้ยังอยู่นี่ไต๋” ลุงหมานอมยิ้มแบบมีเลศนัย ก่อนจะพึมพำ
    “หึ.หึ…ไอ้ลูกหมูของข้า ฮ่า ฮ่า “

                            (ติดตามตอนต่อไป)

(งานเขียนบทความนี้  เสมือนบันทึกส่วนหนึ่งของกาลเวลาที่มีทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตลอดระยะเวลา 3 เดือนในน่านน้ำทะเลตราด หลายสิ่งกำลังเปลี่ยนไป อาจเหลือไว้เพียงตัวหนังสือ)
ตามล่าปลาทรายแดง(3)
ภาพที่ 3
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024