สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 17 พ.ค. 68
กินกุ้งจากบ่อตกกุ้ง ที่น้ำบ่อตกใส่ยาจนน้ำเป็นสีน้ำเงินกันหรือไม่! : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 30 - [8 พ.ค. 58, 13:54] ดู: 21,099 - [16 พ.ค. 68, 06:55] ติดตาม: 4 โหวต: 5
กินกุ้งจากบ่อตกกุ้ง ที่น้ำบ่อตกใส่ยาจนน้ำเป็นสีน้ำเงินกันหรือไม่!
MR.CASTING (2592 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
3 พ.ค. 58, 10:08
1
กินกุ้งจากบ่อตกกุ้ง ที่น้ำบ่อตกใส่ยาจนน้ำเป็นสีน้ำเงินกันหรือไม่!
ภาพที่ 1
ปัจจุบันผมได้ออกตกกุ้งตามบ่อตกกุ้งที่คิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง กุ้งที่ตกได้นำออกได้หมด เนื่องจากต้องออกไปเทสอุปกรณ์ตกกุ้งบางชนิดที่ใช้สำหรับกุ้งบ่อ อีกทั้งเจ้าพระยาช่วงนี้ผักตบชวาแน่นเต็มแม่น้ำไม่สามารถตกกุ้งปลาได้เลย จึงต้องออกตระเวรตามบ่อตกกุ้ง ปัจจุบันบ่อตกกุ้งเปลี่ยนไปจากอดีตที่ผมเคยตกเมื่อยุคต้นของบ่อตกกุ้งเฟื่องฟู ราว2538-2540 ประมาณนั้น ไม่ว่าอเมซอน บ้านกุ้ง กุ้งดีดปลากระโดด และอีกหลายแห่งที่กล่าวไม่ไหมด สมัยนั้นเป็นบ่อดินส่วนใหญ่ น้ำใช้แบบธรรมชาติเติมออกซิเจนปกติแบบปัจจุบัน แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปมากเป็นบ่อปูนปูกระเบื้องเซรามิค ระดับน้ำไม่ลึกนัก ที่สำคัญที่เห็นสิ่งแตกต่างได้ชัดคือน้ำของบ่อส่วนใหญ่เป็นสีน้ำเงิน สอบถามได้ความว่่าใส่เพื่อปรับสภาพน้ำและกันคนลากกุ้ง กล่าวคือไม่ให้มองเห็นตัวกุ้งนั่นเอง น้ำยาที่ใส่จากข้อมูลของบ่อต่างๆที่ให้ก็เป็นยาสีน้ำเงินปรับสภาพน้ำตู้ปลาสวยงามหาซื้อได้ตามร้านปลาสวยงามนั่นเอง และยืนยันว่าไม่มีอันตรายใดๆ ไม่เช่นนั้นปลาคงตายหมดตู้หากใส่น้ำยาตัวนี้ไปตั้งนานแล้ว ได้รับคำตอบอย่างนี้ผมก็พยายามไม่คิดอะไรมาก คิดว่าคงจะจริงถ้าอันตรายปลาคงตายหมดแล้ว ตกอยู่ สี่ห้าครั้งได้กุ้งกลับมาก็ทำอาหารให้ลูกสาวที่ชอบกินกุ้งกิน หลังจากกินไม่นานลูกสาวมีอาการแพ้ไปพบแพทย์ผิวหนังได้ความว่าเป็นผื่นกุหลาบเพราะแพ้สารเคมี ผมเองก็ไม่ติดใจคิดว่าแพ้จากสาเหตุอื่น กินยาที่หมอให้จนอาการดีขึ้น ผมออกไปตกกุ้งเช่นเคยเอามาเผาให้กิน อาการเดิมก็กลับมาอีก ทั้งที่ลูกสาวไม่ใช่คนแพ้กุ้ง และแพทย์ก็ยืนยันว่าไม่แพ้กุ้งแต่แพ้สารเคมีบางชนืด ผมเลยถึงบางอ้อ เริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเจ้ายาสีน้ำเงินนี้ ที่ผมมั่นใจว่าเป็นตัวต้นเหตุของการแพ้ ได้ข้อมูลมาดังนี้ครับ ปัจจุบันเลิกกินกุ้งบ่อที่ใส่ยาสีน้ำเงินในน้ำแบบนี้เด็ดขาดสำหรับผม ได้ข้อมูลที่ค้นคว้าได้ดังนี้สำหรับยาสีน้ำเงินหรือ ยาเขียว

  ยา มาลาไคท์ กรีน (Ma *** chite Green)

มีลักษณะ

เป็นผงสีเขียว ละลายน้ำได้ดี เมื่อละลายน้ำแล้วได้ สารสีออกน้ำเงิน

ตอนนี้ มีอยู่ 2 ชนิดคือ
รูปของมาลาไคท์ กรีน ออกซาเลต (Ma *** chite green oxa *** te)
รูปของมาลาไคท์ กรีน ไฮโดรคลอไรด์ (Ma *** chite green hydrochloride)

ยาชนิดนี้ มีชื่อ ทางตลาด มากมายเช่น วิคทอเรีย กรีน (Victoria Green),แอนิลีน กรีน(Aniline Green),เบนซัลดีไฮด์ กรีน (Benzaldehyde Green) ,ไชน่ากรีน (China Green) ,ไดมอนด์ กรีน
(Diamond Green) ,บริลเลี่ยน กรีน (Brilliant Green)

คุณสมบัติ

1.มาลาไคท์ กรีน เป็นสีสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับย้อมวัสดุต่างๆ เช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ฝ้ายและกระดาษ
2.มาลาไคท์ กรีน จะถูกดูดซึม และมีการเปลี่ยนรูปไปเป็น ลูโคมาลาไคท์ กรีน (Leucoma *** chite Green : LMG) ในเนื้อเยื่อของสัตว์น้ำ และจะตกค้างเป็นระยะเวลานาน

ข้อเสีย
- ก่อให้เกิดเนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ตับ ในขณะที่ลูโคมาลาไคท์ กรีน สามารถก่อให้เกิดมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ และตับในสัตว์ทดลอง
- เหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในการก่อให้เกิดเนื้องอกในสัตว์ทดลอง
- ทำให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม โดยการเพิ่มความยาวของสาย DNA
- ทำให้การพัฒนาของตัวอ่อน หลังฟักออกจากไข่มีความผิดปกติไปจากเดิมถึง 3-5 เท่า
- เป็นพิษโดยตรงต่อระบบหายใจของสัตว์น้ำและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีของเลือด
- ทำให้ระดับของแคลเซียมและโปรตีนในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว
เป็นพิษอย่างรุนแรงต่อสาหร่ายพืชน้ำ และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในน้ำจืดและทะเล

- เป็นสารก่อมะเร็งในคนด้วยนะครับ ต้องใส่ถุงมือ ตลอด อันตรายจริงๆ
การตกค้าง

มาลาไคท์ กรีน ที่ละลายในน้ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่ปลาได้อย่างรวดเร็วและสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อของปลาและเปลี่ยนรูปไปเป็น ลูโคมาลาไคท์ กรีน ที่ไม่มีสี อัตราการดูดซึมขึ้นอยู่กับความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำ มาลาไคท์ กรีน และ ลูโคมาลาไคท์ กรีน จะตรวจพบมากที่บริเวณไขมันในช่องท้องและจะตรวจพบน้อยในน้ำเลือดเนื่องจาก
มาลาไคท์ กรีน ลูโคมาลาไคท์ กรีน สามารถแพร่กระจายไปได้อย่างกว้างขวางทั่วทุกเนื้อเยื่อของปลา
ทำให้เกิดการสะสมและติดแน่นในเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ดี และถูกกำจัดออกจากเนื้อเยื่อได้ช้า
ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ
ยาที่สามารถทดแทนได้

ฟอร์มาลิน ออกฤทธิ์กำจัดปรสิตภายนอก สัดส่วนที่ใช้ 25-40 ส่วนในล้านส่วน นาน 24 ชั่วโมง
ไตรฟูลาริน ออกฤทธิ์กำจัดเชื้อรา สัดส่วนที่ใช้ 0.1 ส่วนในล้านส่วน นาน 24 ชั่วโมง
โอโซน ออกฤทธิ์กำจัดเชื้อรา สัดส่วนที่ใช้ 0.1 มิลลิกรัม/น้ำ 1 ลิตร นาน 1 นาที
โพวิโดน ไอโอดีน ออกฤทธิ์กำจัดเชื้อราบนไข่ปลา สัดส่วนที่ใช้100 มิลลิกรัม/น้ำ 1 ลิตร นาน 15 นาที
ด่างทับทิม ออกฤทธิ์กำจัดปรสิตภายนอก สัดส่วนที่ใช้ 2-4 มิลลิกรัม/น้ำ 1 ลิตร นาน 24 ชั่วโมง
ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ ออกฤทธิ์กำจัดเชื้อราบนไข่ปลา สัดส่วนที่ใช้ 1,000 ส่วน ในล้านส่วน นาน 15 นาที
คิดว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะครับ ศึกษาฉลากยาก่อนใช้ สารนี้มีฤทธิ์ในการต้านจุลชีพ ยังยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคออกฤทธิ์ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ลองใช้วิจรณญาณในการอ่านนะครับ ผมหาข้อมูลมาได้แค่นี้ครับและเลิกกินอย่างเด็ดขาดกลัวมันสะสมในร่างกายแม้ไม่แสดงอาการตอนแรก น้าๆยังรัปทานแล้วมีอาการอะไรกันบ้างไหมครับ
ninjung ( ) offlineใบแดง ความเห็นที่ 30 : 8 พ.ค. 58, 13:54
อ้างถึง: auttawit_w posted: 7 พ.ค. 58, 20:57
[q]อ้างถึง: ninjung posted: 4 พ.ค. 58, 00:16
ตามนั้นเลยครับ  แต่ก็มีหลายๆบ่อที่ใช้ดินบัว ดินโคลนตีกับน้ำทำให้น้ำขุ่นมองไม่เห็นกุ้ง แต่ผมว่านะ  สารเคมีที่มาจากการเลี้ยง เช่น เร่งโต ยารักษาโรคกุ้ง ที่ตกค้างอยู่ในตัวกุ้ง น่าจะมีผลมากกว่า ส่วนสีน้ำเงินในบ่อ ผมว่าเป็นส่วนน้อยครับ  น้อยมากๆ ไม่งั้นคนตกกุ้งบ่อ และเอากลับไปทำกินที่บ้าน คงมีปัญหามากมายกว่านี้  ขอบคุณครับ


ผมเป็นคนหนึ่งมีประสพการณ์ในการเลี้ยงปลา ไก่ กุ้ง และทำแลป  มาลาไคท์ กรีน อันตรายครับ เอาไว้ย้อมสีเซลเนื้อเยื่อ และเป็นสารก่อมะเร็งชั้นดีอีกด้วย ส่วยยาเร่งโตในกุ้งนั้นไม่มีครับ มีแต่สารเร่งการเผาผลาญพลังงาน คือ แอลคานีทีน
แบบเดียวกับที่คนกิน ส่วนยารักษาโรค คือ ยาแอนตี้ไปโอติก หรือยาแก้อักเสบ เหมือนคนกินอีกน่านแหละ  ปลอดภัย แล้วก็ไม่มียาฆ่าแมลงด้วย เพราะกุ้งเป็นญาติแมลงแบบห่างๆ ไม่มีคนเลี้ยงกุ้งคนไหนอยากฉีดไบกอนและยาฆ่าหญ้าข้างๆบ่อกุ้ง กุ้งเป็นสัตว์น้ำที่ไวต่อเคมีมาก ตายง่าย คร่าวๆคือ บ่อปลา ฟาร์มไก่ น่านแหละ จัดหนักกว่ากุ้งเยอะครับ

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล  ผมอาจจะรู้รายละเอียดไม่ลึกมากนัก  แต่ขอยืนยันครับว่า สารเร่งโตในกุ้ง และ ยารักษาโรคต่างๆในกุ้ง มีใช้ในการเลี้ยงกุ้งครับ  มีเยอะมากมายหลายชนิด  และหากใช้ไม่ถูกต้อง มากเกินขนาด มันสะสมในตัวกุ้ง และส่งผลถึงผู้บริโภค รวมถึงอาการแพ้ต่างๆ มะเร็ง ยิ่งว่าน้ำสี ฟ้า หรือ สีน้ำเงิน หลายเท่าครับ  เอาไว้ขอไปหาข้อมูลกับเพื่อน ที่เป็น นักวิทยาศาตร์การแพทย์  แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ  ขอบคุณครับ
ดูทั้งหมด...
แก้ไข 8 พ.ค. 58, 13:57
auttawit_w ( ) offline ความเห็นที่ 29 : 7 พ.ค. 58, 20:57
อ้างถึง: ninjung posted: 4 พ.ค. 58, 00:16
ตามนั้นเลยครับ  แต่ก็มีหลายๆบ่อที่ใช้ดินบัว ดินโคลนตีกับน้ำทำให้น้ำขุ่นมองไม่เห็นกุ้ง แต่ผมว่านะ  สารเคมีที่มาจากการเลี้ยง เช่น เร่งโต ยารักษาโรคกุ้ง ที่ตกค้างอยู่ในตัวกุ้ง น่าจะมีผลมากกว่า ส่วนสีน้ำเงินในบ่อ ผมว่าเป็นส่วนน้อยครับ  น้อยมากๆ ไม่งั้นคนตกกุ้งบ่อ และเอากลับไปทำกินที่บ้าน คงมีปัญหามากมายกว่านี้  ขอบคุณครับ


ผมเป็นคนหนึ่งมีประสพการณ์ในการเลี้ยงปลา ไก่ กุ้ง และทำแลป  มาลาไคท์ กรีน อันตรายครับ เอาไว้ย้อมสีเซลเนื้อเยื่อ และเป็นสารก่อมะเร็งชั้นดีอีกด้วย ส่วยยาเร่งโตในกุ้งนั้นไม่มีครับ มีแต่สารเร่งการเผาผลาญพลังงาน คือ แอลคานีทีน
แบบเดียวกับที่คนกิน ส่วนยารักษาโรค คือ ยาแอนตี้ไปโอติก หรือยาแก้อักเสบ เหมือนคนกินอีกน่านแหละ  ปลอดภัย แล้วก็ไม่มียาฆ่าแมลงด้วย เพราะกุ้งเป็นญาติแมลงแบบห่างๆ ไม่มีคนเลี้ยงกุ้งคนไหนอยากฉีดไบกอนและยาฆ่าหญ้าข้างๆบ่อกุ้ง กุ้งเป็นสัตว์น้ำที่ไวต่อเคมีมาก ตายง่าย คร่าวๆคือ บ่อปลา ฟาร์มไก่ น่านแหละ จัดหนักกว่ากุ้งเยอะครับ

ส่วนวงการสัตว์น้ำสวยงามนั้นจะใช้เคมีอีกตัวที่ชื่อว่า เมทาลีนบลู ซึ่งเป็นยารักษาโรคและปลอดภัยกับคนพอสมควร แต่มานแพงงัย ผู้ผลิตเลยผสมมาลาไค กรีนลงไปแทน สีคล้ายๆกัน ทำให้ขายในวงการปลาสวยงามได้ถูกลง
ดูทั้งหมด...
บึกเห็น..คร้าม ( ) offline ความเห็นที่ 28 : 7 พ.ค. 58, 10:56
สมัยก่อนตกบ่อยครับตามบ่อไปแทบทุกบ่อ ก่อนเอากุ้งเข้าฟรีสตู้เย้นผมจะเปิดน้ำให้ไหลผ่าน
ตัวกุ้ง เปิดเหงือก ให้น้ำไหลผ่านแรงๆ ถูเหงือกและถูตามตัวทั่วไปทุกตัวครับ ล้างจนมั่นใจแล้ว
ค่อยแพ็คถุงซีป เข้าฟรีส แต่ไม่เคยเจอน้ำบ่อกุ้งสีฟ้าๆแบบสมัยนี้ครับ
แม็คมือถือ ( ) offline ความเห็นที่ 27 : 6 พ.ค. 58, 19:13
sugar14 ( ) offline ความเห็นที่ 26 : 5 พ.ค. 58, 21:30
ถ้าไปใส่กับปลาไม่มีเกล็ดเช่นปลาดุกจะตายในเวลาไม่นาน
WAVE2 ( ) offline ความเห็นที่ 25 : 5 พ.ค. 58, 21:12
เดี๋ยวนี้คนเป็นมะเร็งกันเป็นว่าเล่น
audi ( ) offline ความเห็นที่ 24 : 5 พ.ค. 58, 16:25
ขอบคุณครับ น่ากลัวจัง
หมานดี ( ) offline ความเห็นที่ 23 : 5 พ.ค. 58, 09:36
อ้างถึง: 3วัน2คืน posted: 5 พ.ค. 58, 09:02

อ้างถึง: หมานดี posted: 5 พ.ค. 58, 09:01
อ้างถึง: 3วัน2คืน posted: 4 พ.ค. 58, 17:23

งี้ต้องหาสารฆ่าเชื้อซัก 2 ขวด 


ย้ายบ่อเหอะน้า.........
.
.
ยุงเยอะ 


เอ้า ย้ายก็ย้าย 

แต่ไม่ใช้ย้ายหนียุง......ไปเจอยุง อีกนะ 


ดูทั้งหมด...
3วัน2คืน ( ) offline ความเห็นที่ 22 : 5 พ.ค. 58, 09:02
อ้างถึง: หมานดี posted: 5 พ.ค. 58, 09:01
อ้างถึง: 3วัน2คืน posted: 4 พ.ค. 58, 17:23

งี้ต้องหาสารฆ่าเชื้อซัก 2 ขวด 


ย้ายบ่อเหอะน้า.........
.
.
ยุงเยอะ 


เอ้า ย้ายก็ย้าย 

แต่ไม่ใช้ย้ายหนียุง......ไปเจอยุง อีกนะ 
หมานดี ( ) offline ความเห็นที่ 21 : 5 พ.ค. 58, 09:01
อ้างถึง: 3วัน2คืน posted: 4 พ.ค. 58, 17:23

งี้ต้องหาสารฆ่าเชื้อซัก 2 ขวด 


ย้ายบ่อเหอะน้า.........
.
.
ยุงเยอะ 
ptoy ( ) offline ความเห็นที่ 20 : 5 พ.ค. 58, 04:17
โอเคนะ  ระวังไว้ก็ดี ไม่เสียหาย แต่อย่าแตกตื่น จนแตะอะไรไม่ได้ ยังมีสิ่งที่ไม่รู้ และ อันตรายอีกเยอะ
โกนุ ( ) offline ความเห็นที่ 19 : 4 พ.ค. 58, 22:07
มาลาไคท์กรีน เป็นสารเคมีอันตราย ในอเมริกา ออกกฏหมายห้ามใช้ในสัตว์น้ำมานานแล้วครับ เมืองไทยเพิ่งมาเตือนกันไม่กี่ปีนี่เอง ตอนเด็ก ๆเลี้ยงปลาทอง มือติดสีน้ำเงินประจำ
บ้านฟ้า ( ) offline ความเห็นที่ 18 : 4 พ.ค. 58, 21:29
สมัยก่อนผมทำบ่อตกกุ้งผมไม่เคยใช้สารเคมีเลย
ส่วนทำน้ำขุ่นผมใช้ดินบัวละลายน้ำเอา ก็น้ำขุ่นแล้ว
เวลาถ่ายน้ำเดือนละครั้งก็เอาสายยางใหญ่ดูดขี้ตะกอนก้นบ่อออกแล้วก็ละลายดินบัวลงไปใหม่
ส่วนกุ้งเลี้ยงบางทีพิษก็อยู่ที่หัวถุงดำๆ ขรี้กุ้งอ่ะคับ ลูกผมแพ้ตรงนี้แต่หลังจากเอาถุงนี้ออก คราวนี้หล่ะมีโลหมดโล555
3วัน2คืน ( ) offline ความเห็นที่ 17 : 4 พ.ค. 58, 17:23
งี้ต้องหาสารฆ่าเชื้อซัก 2 ขวด 
MR.CASTING ( ) offline ความเห็นที่ 16 : 4 พ.ค. 58, 15:49
มีหลายท่านโทรมาขอข้อมูลเพิ่มว่าอันตรายขนาดไหน จริงหรือไม่ กุ้งลงบ่อแปปเดียวไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกตกขึ้นแล้ว อยากเรียนเหมือนที่ตอบทางโทรศัพท์เหมือนเดิมหลายครั้งว่า ผมไม่อาจยืนยันได้เพราะไม่มีความรู้ด้านสารเคมีอย่างถ่องแท้ ข้อมูลที่ได้มาก็จากเว็ปปลาสวยงามที่เตือนเรื่องมือเปียกน้ำตู้ปลาที่ใส่ยาน้ำเงินแล้วหยิบจับอาหารเข้าปากว่ามีอันตรายแค่ไหน ก็มีสัตวแพทย์มาให้ข้อมูลนี้ผมก็แค่นำข้อมูลมาเสนอเล่าสู่กันฟังละครับ แต่ผมเลือกที่จะไม่เสี่ยง เหมือนกุ้งถูกโรยยาละครับ โดนยาไม่กี่นาทีลอยขึ้นผิวน้ำ ไม่ใช่บ่อขังอับน้ำเสียด้วย เป็นแม่น้ำแท้ๆน้ำถ่ายเทได้ดี เอามาบริโภคแม้ล้างน้ำให้สะอาดเท่าไรก็ยังมีสารตกค้างในเหงือกกุ้งและเนื้อกุ้งเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเรากินไปสะสมจนได้ระดับที่เป็นอันตราย อันนี้มีแพทย์มายืนยันแน่นอนเรื่องกุ้งโรยยาว่าไม่สามารถล้างสารเคมีตกค้างในตัวกุ้งตกได้หมด และถูกเผยแพร่ไม่ว่าทางหน้าหนังสือพิมพ์ tv.ก็ยังมีหลายคนซื้อมารัปทานโดยบอกว่าล้างด้วยน้ำละลายสารส้มพิษมันจะสลายไปจริงเท็จอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ผมเลือกที่จะเชื่อแพทย์ไม่ซื้อมารัปทานเด็ดขาดสำหรับกุ้งถูกโรยยาเหล่านี้ ส่วนเรื่องน้ำสีน้ำเงินนี้นี้ยังไม่มีหน่วยงานใดมาวิเคราะให้คำตอบที่แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าขึ้นชื่อว่าสารเคมี สารตกค้างเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เราเลือกที่จะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยงได้ การตัดสินใจเป็นของทุกท่านครับว่าจะเลือกแบบไหน 
แก้ไข 4 พ.ค. 58, 15:51
tong2min ( ) offline ความเห็นที่ 15 : 4 พ.ค. 58, 14:14
ผมว่าเรื่องน้ำบ่อสีออกน้ำเงิน ไม่มีผลหรอกครับ
เพราะว่ากุ้งที่ลงบ่อไปนั้นสัมผัสน้ำนั่นไม่เกิน 5 ชั่วโมงครับ
เพราะปล่อยแล้วก็ตกขึ้นมา ไม่ได้แช่อยู่เป็นปีๆๆ แค่เอากลับไปก่อนทำกิน
ก็ล้างให้สะอาดทำให้สุกด็เพียงพอแล้วครับ

แต่บ่อส่วนใหญ่ใช้ดินบัว กับ ปุ๋ยคอกมากกว่าไม่เคยเจอบ่อแบบที่เจ้าขอกกระทู้ว่าเหมือนกันครับ


rockaun ( ) offline ความเห็นที่ 14 : 4 พ.ค. 58, 12:50
อ้างถึง: MR.CASTING posted: 4 พ.ค. 58, 08:21
อ้างถึง: rockaun posted: 4 พ.ค. 58, 01:30
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล บ่อที่ผมตกส่วนใหญ่จะใช้ดินบัวมาใส่ซึ่งน่าจะปลอดภัย แต่ปัญหาคืออ๊อกจะตันเพราะดินไปอุด
แต่ถ้าใช้สารเคมีมาใส่ผมว่าไม่เหมาะเลย เพรากุ่งที่มาจากบ่อคนนำกลับบ้านมากิน ไม่เหมือนปลาตู้ที่ตายก็ทิ้ง


ช่วยแชร์รายชื่อบ่อที่ใช้น้ำธรรมชาติขาวขุ่น หรือบ่อที่ใช้ดินบัวตีน้ำให้ขุ่น ด้วยก็จะดียิ่งครับ น้าๆรวมถึงผมจะได้เป็นอีกทางเลือกครับว่ามีที่ใดบ้าง น่าสนับสนุนครับบ่อแบบนี้ ผมเข้ากูเกิลเสิร์ชดูบ่อตกกุ้งต่างประเทศ ทั้งจีน ไต้หวัน เป็นหลายร้อยภาพไม่มีบ่อไหนมีน้ำเป็นสีน้ำเงินเหมือนบ่อบ้านเราเลย หรือต่างชาติไม่รู้วิธีที่ดี ง่าย ไม่ต้องคิดมาก ลงทุนไม่สูง ไม่ซับซ้อน ในการทำน้ำให้ดีแบบบ่อบางบ่อบ้านเราก็ไม่รู้


ผมตกอยู่ 3 ที่ คือ บ่อคุ้มชาวนา บ่อลาดปลาดุก  บ่อจรัญ 13 ( ไปไม่บ่อยครับ ) 
ดูทั้งหมด...
TV3 ( ) offline ความเห็นที่ 13 : 4 พ.ค. 58, 12:28
+++ 1 ตามชมครับ 

ขอบคุณข้อมูลดี ๆๆ ครับ 
MR.CASTING ( ) offline ความเห็นที่ 12 : 4 พ.ค. 58, 08:21
อ้างถึง: rockaun posted: 4 พ.ค. 58, 01:30
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล บ่อที่ผมตกส่วนใหญ่จะใช้ดินบัวมาใส่ซึ่งน่าจะปลอดภัย แต่ปัญหาคืออ๊อกจะตันเพราะดินไปอุด
แต่ถ้าใช้สารเคมีมาใส่ผมว่าไม่เหมาะเลย เพรากุ่งที่มาจากบ่อคนนำกลับบ้านมากิน ไม่เหมือนปลาตู้ที่ตายก็ทิ้ง


ช่วยแชร์รายชื่อบ่อที่ใช้น้ำธรรมชาติขาวขุ่น หรือบ่อที่ใช้ดินบัวตีน้ำให้ขุ่น ด้วยก็จะดียิ่งครับ น้าๆรวมถึงผมจะได้เป็นอีกทางเลือกครับว่ามีที่ใดบ้าง น่าสนับสนุนครับบ่อแบบนี้ ผมเข้ากูเกิลเสิร์ชดูบ่อตกกุ้งต่างประเทศ ทั้งจีน ไต้หวัน เป็นหลายร้อยภาพไม่มีบ่อไหนมีน้ำเป็นสีน้ำเงินเหมือนบ่อบ้านเราเลย หรือต่างชาติไม่รู้วิธีที่ดี ง่าย ไม่ต้องคิดมาก ลงทุนไม่สูง ไม่ซับซ้อน ในการทำน้ำให้ดีแบบบ่อบางบ่อบ้านเราก็ไม่รู้
rockaun ( ) offline ความเห็นที่ 11 : 4 พ.ค. 58, 01:30
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล บ่อที่ผมตกส่วนใหญ่จะใช้ดินบัวมาใส่ซึ่งน่าจะปลอดภัย แต่ปัญหาคืออ๊อกจะตันเพราะดินไปอุด
แต่ถ้าใช้สารเคมีมาใส่ผมว่าไม่เหมาะเลย เพรากุ่งที่มาจากบ่อคนนำกลับบ้านมากิน ไม่เหมือนปลาตู้ที่ตายก็ทิ้ง
ninjung ( ) offlineใบแดง ความเห็นที่ 10 : 4 พ.ค. 58, 00:16
ตามนั้นเลยครับ  แต่ก็มีหลายๆบ่อที่ใช้ดินบัว ดินโคลนตีกับน้ำทำให้น้ำขุ่นมองไม่เห็นกุ้ง แต่ผมว่านะ  สารเคมีที่มาจากการเลี้ยง เช่น เร่งโต ยารักษาโรคกุ้ง ที่ตกค้างอยู่ในตัวกุ้ง น่าจะมีผลมากกว่า ส่วนสีน้ำเงินในบ่อ ผมว่าเป็นส่วนน้อยครับ  น้อยมากๆ ไม่งั้นคนตกกุ้งบ่อ และเอากลับไปทำกินที่บ้าน คงมีปัญหามากมายกว่านี้  ขอบคุณครับ
sassysayo2 ( ) offline ความเห็นที่ 9 : 3 พ.ค. 58, 21:10
กินมาเยอะเลยอะพี่ 
chok_chai ( ) offline ความเห็นที่ 8 : 3 พ.ค. 58, 19:06
ผมเคยเลี้ยงกุ้ง ยาตัวนี้ไว้ทำสีน้่ำ ตอนเวลาน้ำดรอป ซึ่งใช้กันแพร่หลายในช่วงเวลานั้นประมานเกือบ 20ปีที่แล้ว
toppol_fish ( ) offline ความเห็นที่ 7 : 3 พ.ค. 58, 18:02
ขอบคุณครับ


GTA ( ) offline ความเห็นที่ 6 : 3 พ.ค. 58, 15:05
ยาทุกชนิดคือยาพิษ หากใช้ยามไม่จำเป็น กินเกินขนาด ใช้ผิดประเภท ก็เป็นอันตรายทั้งนั้นแหละครับ
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2025