สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 19 เม.ย. 67
บักทึกจากความทรงจำในอดีต : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 15 - [7 ก.ย. 58, 18:27] ดู: 2,921 - [19 เม.ย. 67, 04:01] ติดตาม: 2 โหวต: 9
บักทึกจากความทรงจำในอดีต
bowl (171 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
29 ส.ค. 58, 22:32
1
บักทึกจากความทรงจำในอดีต
ภาพที่ 1
คลิปที่ 1
บันทึกจากความทรงจำในอดีต
29 สิงหาคม 2558
14:
เรื่องที่เขียนนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 เพื่อระลึกถึงเพื่อนแท้คนหนึ่งที่ได้คบหากันมายาวนาน ราวๆ 40 ปี ได้ร่วมใช้ชีวิตผจญภัยในทะเลยามพระแม่วารีพิโรธ ออกตกปลา เข้าป่าล่าสัตว์ ดักหมู ดักเม่น ตลบนกเขาเขียว เขาเปล้า ส่องเก้ง กระจง ฯลฯ จนมีครอบครัวแยกย้ายกันไปตามทาง ได้ข่าวมา
ว่าเพื่อนไม่ค่อยสบาย เจ็บป่วยอยู่เรื่อย อาทิตย์นี้ว่างจะลงไปเยี่ยมเยือน นั่งจิบกาแฟ ทอดอารมณ์ ใจก็พลัน
นึกเห็นภาพในอดีตผุดขึ้นมา สะทกสะท้อนใจ คิดถึงเพื่อนเลยจับคีย์บอร์ดบันทึกไว้

ตอนที่ 1 สากมหากาฬ

"ขอหนุนตักนาง จนสางอรุโณทัย ยอมแม้สิ้นใจ เซ่นทรวงแด่ปวงเทวา...." เสียงเพลง "น้ำตาลาไทร"
ของนักร้องยอดนิยมในสมัยนั้น "พร ภิรมย์" ดังลอยอ้อยอิ่ง เคลียคลอพื้นน้ำทะเล เข้ากับจังหวะเสียงแจว
หลักเดียว กระทบน้ำทะเลยามจ้วงพาย จากฝีพายของเพื่อนที่เป็นทั้งนักร้องเสียงดี กัปตันเรือไม้ท้ายตัด
ขนาดยาวประมาณ สี่เมตร กว้างไม่เกิน เมตรครึ่ง ผมนอนหงายหัวหนุนแคมเรือ ตาเหม่อลอยไปบนท้องฟ้า
อันมืดมิดดาวพร่างพราวระยิบ ระยับ เต็มท้องฟ้า คืนนี้แรมเดือนมืด ประมาณ 14 ค่ำ ทะเลสวยมากไม่มีคลื่น  
กระชอกเลย หัวผมห่างน้ำทะเลไม่เกิน 30 นิ้ว ลมทะเลพัดเอื่อยๆ ราวกะร่วมบรรเลงเพลงด้วย หนาวนิดๆ น้ำ
เริ่มขึ้นแล้ว เดินดีมาก หัวน้ำเสียด้วย คืนนี้ไม่ใครก็ใครละเจอดีแน่ ผมจมอยู่ในภวังค์ความคิด จนได้ยินเสียง
เพื่อนเรียก
: พี่ๆๆ
: อือ ผมขานตอบ และหันไปมองคนเรียก ถามว่ามีอะไร กูกำลังฟังเพลงเพลินอยู่เชียว
: ใกล้ถึงหินกองแล้ว,เพื่อนตอบในเงาตะคุ้มๆมองหมายฉากซ้าย-ขวากับยอดเขา ยอดไม้ตามตำราที่สั่งสอน
  กันมา ผมเคยจะลองหัดจำหมายฉากแบบเขา แต่เหลวทุกที เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องหาหมาย
: เอาไอ้ใบ้ให้ฉันที ตรงหัวเรือใต้หัวนอนพี่แหละ
ผมล้วงมือไปใต้ท้องเรือ หยิบ"ไอ้ใบ้ " หินขนาดกำมือ ผูกเชือกติดยาวประมาณ 20 เมตร ส่งให้ และถามว่า
: หินกองอะไรวะ
: หินสามเส้า ต้องลากไปหาหัวหินหน่อย คืนนี้สงสัยไอ้สากชุม ฉวยแล้วพานหินขาดหมด
เสียงเพื่อนโยนหินลงน้ำดังตุ๋ม ปล่อยสายจนถึงก้นทะเล ปลายผูกกับหัวแม่เท้า แล้วลากไปกับเรือเดินแจว
เสียงปลาสอยเหยื่อดังถี่ขึ้นซ้ายที ขวาที เขาละไม่ใช่ใคร พี่สากฟันสวย ฟังจากเสียงน้ำตัวไม่เล็กเลยนะ น้ำ
ใต้ใบพายเป็นพรายน้ำสว่างโร่ตามจังหวะการพาย เนื่องจากเดือนมืด ไม่มีแสงจันทร์เลย เสียงปลาเต็กเล็ง
ตกใจพรายน้ำ วิ่งลิ่วออกไปทางหัวเรือ แลเป็นสายไปจนลับตา ปลาชนิดนี้เวลาตกใจ อันตรายมาก ถ้าหัน
หน้าวิ่งมาทางเรือ โดยเฉพาะเรือเล็กๆ แบบนี้ ถีงเรือหลบให้ดี ทั้งฟัน ทั้งปาก คมนัก ได้เลือดกันแน่ แต่เขา
ก็ทานอร่อยนะ ถึงเนื้อจะกลิ่นแรงเหม็นเขียว แต่ลอกหนังแล่เอาเนื้อสับละเอียด แกงเผ็ดพริกสด ใส่ใบยี่หร่า  
ไอ้สากก็ไอ้สากเถอะ แกงมาแลกก็ไม่ยอมหรอก เสียงเพื่อนร้อง โอ๊ยๆ อื้อๆ หลุดๆ แล้ว แล้วเรียก
: พี่เตรียมทิ้งสมอ พอฉันบอกทิ้ง ก็ปล่อยเลย
: อือ..ผมร้องตอบ, ท่านผู้อ่านทราบไหมว่าสมอที่เพื่อนผมบอกคือสมอหินหนักประมาณ 5 กิโล ผูกเชือก
มนิลาขนาดนิ้วหัวแม่มือ เวลาปล่อย ค่อยๆหย่อนลงน้ำ โยนไม่ได้เดี๋ยวปลาหนีหมด แต่เวลาสาวขึ้นละคุณ
เอ๋ย กว่าจะขึ้นมาได้ หลังแทบเสีย ที่เพื่อนมีอาการร้องแบบนั้น แสดงว่าลากพี่ใบ้เจอหินละเอียดแล้ว เพราะ
หินสามเส้า จะเป็นหินกองใหญ่พิงกันลักษณะเป็นเพิงก่ายกัน มีช่องว่างเป็นเวิ้งถ้ำ เนื้อที่ประมาณ 1-2 ไร่
ชายบริเวณจะเป็นหินละเอียด ระเกะ ระกะ ปลาชอบมาหลบภัยอาศัยกันมาก เราจอดเรือกันบริเวณนี้แหละ
: เอ้าทิ้งพี่
ผมค่อยๆ ปล่อยมือ เสียงเชือกรีดกับน้ำเป็นสาย พอถึงก้น พรายสว่างวาบ ปลาเต้นเป็นจุดๆ แตกกระจาย
ที่จริงแล้ว ตกปลาหินกอง มาเดือนหงายดีที่สุด น้ำไม่มีพราย เหยื่อที่ทิ้งไว้ก็ไม่เป็นพราย ปลาฉวยง่าย และ
ไม่ต้องใช้ไอ้ใบ้หาหินเลย เห็นหมายชัดเจน แต่เห็นเป็นหัวน้ำเดินดีเหลือเกิน ปลายฉวยเหยื่อเร็ว โดยเฉพาะ
  ปลาสาก ปลาอั้งเก่ย กุเลา ฯลฯ เสียงเพื่อนจัดแจงเก็บแจว เตรียมสายออกมา สายที่ว่าก็ handline ขนาด
เบอร์ 100 หรือ 120 กงกระดาษตราเรือใบ ผูกกับโฟมบ้าง แกลลอนน้ำมันบ้างความยาวประมาณ 100 เมตร
ปลายผูกสลิงลวดเป็น ขวั่น 2 ทบ เกี่ยวกับเบ็ดกล่อง เบอร์ 8/0 มาตรฐาน พี่แกล้วงเอาออกมา 6 สาย ผมจึง
ถามขึ้นว่า
: แล้วถ้าฉวยพร้อมกัน 6 สาย แล้วเอ็งจะทำยังไงวะ, เพื่อนตอบว่า
: ก็ดึงสายไหนฉวยก่อน กระชากให้ติดก่อน รั้งให้ตึงไว้ หัวแม่ตีน 2 มือ 2 ปากคาบได้อีก 2 ปลดทีละสาย
:  เออ เอ็งเก่ง แบ่งมา 2 สายเถอะ หลุดไปก็ไม่ได้เรื่อง ปลาหนีหมด
มันอิดออด ส่งให้ 1 สาย ตามใจมัน ล้วงเหยื่อหมึกหอมตัวเกือบครึ่งกิโล จากถุงเหยื่อไม่แช่น้ำแข็ง ออกมา
หั่นเป็นท่อนครึ่งนิ้ว ส่งมาให้ผม 2 ชิ้น จะขอหัวหมึกก็ไม่ทันมันเกี่ยวเหวี่ยงขวับไปท้ายเรือแล้ว ที่เหลือมันใช้
เวลาไม่ถึง 2 นาที ก็ล้างมือลวกๆ นอนหนุนแกลลอนเบ็ด มวนบุหรี่ใบจากดูดไฟแดงโร่ ผมเกี่ยวเหยื่อ 2 ทบ
ให้เหยื่อไม่พอกตาเบ็ด รูดมือตามสายเอ็นเจอกับทุ่นตะกั่วผูกสายสะดืออวนปู นึกว่าลืมผูกตะกั่ว เหวี่ยวสาย
ควงรอบหัว แล้วขว้างไปทางหัวเรือ เสียงเหยื่อลงน้ำดังโครม เสียงเพื่อนร้องอือๆ
: เออ ตรงนั้นละ เมื้อกี้เห็นมันสอยเหยื่อ แต่แหม ขี้หมึกเต็มหน้าฉันเลย
: แล้วหัวข้านี่ก็มีแต่ขี้หมึกเหมือนกัน ตอนเอ็งเหวี่ยงเบ็ด.ผมตอบยิ้มๆ
ไม่ทันที่ผมจะประกอบคันเบ็ดกับรอก penn seanator รุ่นฝาแดงที่ถอยมาหมาดๆต้องเก็บเงินซื้อถึง 2 เดือน
  (สมัยนั้นทำงานเงินเดือนๆละ 2,400 บาท แทบไม่มีปัญญาซื้อ ขนาดอาศัยกงสี เกาะแม่กินแล้ว) พลันเสียง
  ดังเพลี๊ย ๆ สายผูกแกลลอนหนุนหัวเพื่อน ที่เกี่ยวกับหัวหมึกก็ลั่น น้ำสว่างวาบเป็นทาง เห็นมันทะลี่งพรวด
  บุหรีใบจากตกไฟกระจาย แต่มือมันไวเหลือเกิน กระชากสวนสายดังพรืด เท่านั้นละ เสียงปลาโลดขึ้นน้ำ
  ดังตูมสนั่น ลอยสูงขึ้นมาสัก 2 เมตร
  : ไอ้สากพี่ ไอ้สาก ใหญ่ ๆ เหลือเกิน เหนียวๆ ๆ โว้ย
  เสียงมันโวยวาย มือก็รั้งสาย เสียงดังเปรี๊ยๆ ปากก็ร้องเหนียวๆโว้ย ลั่นทะเล ชั่วอืดใจ ก็ดึงเจ้าตัวปัญหา
  มาแตะข้างเรือ พอผมเห็น คุณพระคุณเจ้า หัวขนาดขาอ่อนของผม คนสูง 178 ซม.เขี้ยวพราว ขาววับใน
  ปาก ตัวยาวเกือบ 2 เมตรในน้ำ ดิ้นน้ำกระจาย กระเซ็นขึ้นมาเปียกเต็มพื้นเรือ
  : ขอๆ พี่ ส่งขอให้ฉันที
  ผมรีบมุดไปล้วงขอใต้ท้องเรือ หันจะมาเกี่ยวเอง มันร้องว่าอย่าๆ ฉันเอง เหมือนไม่ทันใจ มันเอามือรวบใต้
  คางปลา แล้วยกขึ้นเรือ ขนาดมันสูงไล่เลี่ยกับผม ชูสุดมือแล้ว หางปลายังไม่พ้นน้ำเลย พอเอาปลาใส่ท้อง
  เรือ ปลดเบ็ดออกทางเหงือก ดึงรูดออกทางปาก หัวหมึกติดออกมาด้วย หันไปคว้าไม้คมแฝกขนาดเหมาะ
  มือ ไม่ทันจะได้ทุบหัวปลาตัดกำลัง สายที่มัดหัวแม่ตีน และหัวแม่มือสองข้างก็ลั่นพร้อมๆกัน 4 สาย มันก็
  เร็วสมราคาคุย ขาเหยียบพื้นเรือแน่น มือก็ดึงปลา ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตา มันหันมายิ้ม
  : ไม่หลุดหรอกพี่ ปลาหิว กลืนทุกตัวกินถึงกระเดื๊อก ตายแน่ ของพี่ระวังเหอะ ปลามันเวียนแย่งเหยื่อกัน เดี๋ยว
  ก็ฉวย อย่างกับปากพระร่วง สายในมือผมที่พันนิ่วชี้ไว้ 2 ทบ ก็ตึงเปรี๊ยะ ความรู้สึกเหมือนโดนคนตัวใหญ่ๆ
  น้ำหนัก 100 กก.กระชากเต็มเหนี่ยว หน้าเกือบคะมำ สายในมือลั่นออกจากก้อนโฟมที่มัดไว้ ผมกัดฟันกระ
  ชากสวนสายใช้นิ้วหัวแม่มือจิกกับนิ้วชี้ เหมือนโดนไฟลวก ร่องนิ้วชี้ข้อแรกเป็นรอยขาวเหว่อ ใช้มือสองข้าง
  ค่อยๆดึงสายเข้ามา ปลาก็วิ่ง ซ้ายที ขวาที เพื่อนร้องเตือน ระวังสายพันกัน ดึงเร็วๆ พอตั้งลำได้ผมก็อัดไม่
  เลี้ยง โมโห แล้วพรุ่งนี้ไปทำงานแล้วตูจะเขียนหนังสือได้หรือ นิ้วบวมเป็นโดนผึ้งต่อยแบบนี้ เสียงเพื่อนเหวี่ยง
  เหยื่อไป ดึงปลาไป หัวเราะฮึๆ ดังลอยมาเข้าหู ขณะเพื่อนกำลังดึงปลาเข้ามา มันร้องโวยวายว่า
  : พี่เหวียงสายพี่ตามเร็วๆ ปลามันตามกันมาแย่งเหยื่อไอ้ตัวติดเบ็ด มองเห็นเป็นสายเลย
  ผมเหวียงสายไปตามที่มันบอก พอเหยื่อกระทบพื้นน้ำ ก็ได้ยินเสียงฮุบดังปั๊บ สายในมือลั่นเปรี๊ยะ ผมก็กระชาก
  ไม่ให้หนีไปไหน คืนนั้นเราได้ปลาสากประมาณ 15 ตัว เป็นปลาสากเหลืองทั้งฝูง ตัวแรกที่นำร่อง นน.
  ประมาณ 8 กก. ผมได้ 4 ตัวแรก 7 กก.ที่เหลือ เฉลี่ย 5 กก.ขึ้น เหยื่อหมึกซื้อมาจากเขาทำลอบหมึกสดๆ
  3 กก.กลัวตกไม่หมด แบ่งไว้ทำกับข้าว ครึ่งกก. เหลือแต่เศษๆรุ่ยๆ คมเขี้ยวไอ้สากไม่ถึงครึ่งโล ปลาอื่นไม่
  มีฉวย เพื่อนบอกว่าถ้าไอ้สากลงฝูงก็ ปลาอื่นหายหมด ฝูงนี้มันเคยดำดูไม่ต่ำกว่า พันตัว พอปลาหยุดฉวย
  เพราะทำปลาหลุดวิ่งตามกันไปหมด ก็มานั่งหอบมองหน้ากัน เนื้อตัว เปียกปอน เลอะขี้หมึก พื้นเรือเปียก
  ไปทั้งลำ ต้องนั่งยองๆ ไม่งั้นคันตลูดนัก ผ้าก็ไม่ได้เอามาผลัดเปลี่ยน
  : กี่โมงแล้วพี่ เสียงเพื่อนร้องถามเวลา
  : อีก 10 นาที ตี 2 ผมบอกเวลาเพื่อน
  : งั้นกลับเหอะพี่ เปียก หนาวทั้งตัวแบบนี้ ผ้าก็ไม่ได้เอามาไปหูงข้าวต้มหมึก เหลือจากเหยื่อไอ้สากดีกว่า
  : อือ กลับก็กลับ ชักปวดๆนิ้ว พรุ่งนี้วันจันทร์ด้วย โดดงานก็ไม่ได้ โดนนายด่าแน่ มามี๊กูคงบ่นพรึม
  ผมนั่งสับหงกบนแกลลอนเบ็ด เพื่อนผมต้องพายเรือกลับเข้าฝั่ง ประมาณ 3 กิโล มองเห็นไฟบนฝั่งลิบๆ
    ฟังนักร้องอารมณ์ดี ขับขานเพลงยอดนิยมเกือบชั่วโมงจึงถึงบ้าน เสียงมันโวยวายให้เมียส่องไฟมาดูปลา
    ได้แตกตื่นกันทั้งหมู่บ้าน พากันมาดูปลา เพราะไม่เคยตกได้มากขนาดนี้ นั่งคุยกันจนเมียมันทำข้าวต้ม
    ปลาหมึกเสร็จ หิว เหนื่อย อร่อยสุดๆ ฝีมือกุ๊กบ้านป่า กินเสร็จผมหลับได้แป๊ปๆ เพื่อนมาปลุกกลัวผมไป
    ทำงานสาย เพราะต้องขับรถกลับอีกเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงตลาดแวะเอาปลาขายให้เพื่อนได้กก.ละ 18บาท
    ได้เงินมา เกือบๆพันบาท เทียบกับสมัยนี้ปลาสาก กก.ละ 180 บาท ช่างแตกต่างกันมากมาย แต่ก็เป็น
      ความหลังที่ฝังใจ ตกปลาสากมันสุดๆ penn น้องใหม่ไม่มีโอกาสได้ใช้เลย นับตั้งแต่นั้นมาผมก็ไปบ่อย
      จนโดนแม่บ่น ห่วงตอนขับรถกลับ บอกผมว่ามีเงินซื้อเอาในตลาดก็ได้ ไปทำไมตาแก่เอ๋ย แต่ไม่เคยเชื่อ
    
      ขอจบทริปตกปลามันๆไว้แค่นี้ หากมีเวลาว่าง จะเขียนให้อ่านใหม่ ไม่ว่า กระโทงร่ม 38 กก.อินทรีใหญ่
      ที่ไม้รูด กุเลา 2 วา ที่ช่องเขาขาด ไอ้เขี้ยวแดงใหญ่ที่เกาะกูด ฯลฯ ขอบคุณครับ

      มีเทคนิคเกล็ดเล็ก เกล็ดน้อยที่น่าสนใจ น้าท่านใดรู้แล้วก็ขออภัยด้วย มิบังอาจเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เพียงแต่แบ่งปัน
      ความรู้กันครับ
      1.น้ำเดินดีหรือไม่ ดูที่สายน้ำจะไม่มีตะกอนหน้าน้ำ ปลาเล็กปลาน้อยขึ้นมาเล่นน้ำหาเหยื่อกิน
      2.เบ็ดตกปลาสาก ควรใช้ขนาดใหญ่ 7-10/0 เพราะเวลากระชากสวนแรงๆ จะได้เข้าวงปาก ไอ้สาก
         ขอบปากแข็ง หนามาก ถ้าเบ็ดเข้าขอบปากเมื่อไร รับรองไม่มีหลุด นอกจากขาด หรือสายพันกัน
         สายหย่อนจนมันโลดน้ำไปสะพัดเบ็ดหลุดได้ เวลาดึงพยายามให้สายตึงเสมอ เบ็ดผูกกับสลิง ถ้า
         ผมใช้ก็ตราเรือใบ เบอร์ 11  ยาวสักวา ขวั่นสองทบติดลูกหมุน มัดตูดเบ็ดให้แน่น อย่าให้เบ็ดขยับได้
      3.เหยื่อตก สดมากเท่าไรยิ่งดี เพราะกินคาวน้ำจะพากลิ่นไปไกล ยิ่งปลาหมึก ห้ามแช่น้ำแข็งเด็ดขาด
         กลิ่นหายหมด อย่าดึงขี้ออก เพราะขี้แตกคาวดีนัก เลอะมือก็ล้างเอา แต่หลังจากตก สภาพก็ไม่ผิดกับ
         นักรบทาหน้า ทาตา กระดำ กระด่างไปหมด
       4.ดึงสากใหญ่ ต้องบังคับให้มันว่ายหันกลับมาหาเราให้ได้ ส่วนมากจะสวนสาย รั้งให้ดี เวลาเอาขึ้นเรือ
          อย่ามุงเข้าไปดู น้อยคนยิ่งดี ชอบสะบัดดิ้น ปากคม อันตรายมาก หาเครื่องทุ่นแรงรีบน๊อคให้เร็วที่สุด

ขอให้โชคดี และสนุกกับการตกปลานะครับ







  

















แก้ไข 30 ส.ค. 58, 17:51
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024