สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 26 เม.ย. 67
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 4 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 5 - [10 มิ.ย. 64, 11:06] ดู: 1,170 - [25 เม.ย. 67, 08:11] โหวต: 2
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 4
หนุ่มธุดงค์ไพร (707 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
9 มิ.ย. 64, 11:45
1
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 4
ภาพที่ 1
บทที่ 16

ตอนที่ 4


          หลังจากพิจารณาอยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มก็ค่อยๆเดินถอยหลังช้าๆ พอกะว่าพ้นระยะและเห็นว่าน่าจะปลอดภัย จึงมองหาลู่ทางเบี่ยงหรืออ้อมหลบ ในจังหวะที่กำลังกวาดตามองหาเส้นทางใหม่ ซึ่งตอนนี้มันรกชัฏไปด้วยดงเฟิร์น ถึงแม้จะมีด่านของสัตว์ป่าเดินเปิดเป็นช่องไว้ แต่ก็ดูสับสนไปหมด จังหวะนั้นเอง ซุ้ม หรือ รังหมูป่า ก็มีอาการไหวโยกเยก ดัง สวบสาบ พริบตานั้นเอง ร่างอันเป็นเจ้าของซุ้ม ก็โผล่พรวดออกมาจากซุ้ม ที่เปรียบเสมือนบ้านของมัน มันเป็นหมูโทนเพศเมียขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังตั้งท้องแก่เต็มที่ เพราะสังเกตุเห็นท้องที่พองโต รวมถึงราวน้ำที่เต็งคัด ชายหนุ่มใจหายวาบ รีบกระโจนหลบวูบไปบัง ยังบริเวณโคนไม้ใหญ่ ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าหมูป่าตัวนั้น มีอาการแหงนจมูกส่ายไปมาบนอากาศ เหมือนจะกระสากลิ่นอะไรบางอย่าง ซึ่งตัวมันเองก็ไม่เคยสัมผัสกับกลิ่นแปลกปลอมชนิดนี้มาก่อน โชคดีที่เขาอยู่ใต้ลม มันจึงไม่สามารถจับทิศทางของกลิ่นนั้นได้ หลังจากมันเดินวนเวียน สูดกลิ่น สำรวจซุ้มที่มันสร้าง และเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ มันก็มุดกลับเข้าไปในซุ้มเช่นเดิม ปล่อยให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นตึกๆอยู่กับภาพที่เห็น ซึ่งตอนนี้ตัวของเขาเองก็ไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนไปไหน เพราะเกรงว่ามันจะสำเนียกในการมาของเขา เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที ที่เขาได้แต่เฝ้ามองซุ่มด้วยหัวใจระทึก เสียงของอะไรบางอย่างก็แว่วออกมาจากซุ้มนั้น มันดัง อู๊ด อี๊ด แทรกขึ้นมาเบาๆ พร้อมๆกับเสียงลมหายใจหนักๆ ดัง ฟูด ฟาด เป็นจังหวะ

          “สงสัยจะออกลูกแล้ว”ชายหนุ่มกล่าวออกมาภายในใจ พลางก็จับจ้องซุ้ม ที่ตอนนี้แม่หมูป่ากำลังออกลูก เมื่อฟังจากเสียงที่แว่วมา น่าจะมีหลายตัวที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก

        เมื่อสบโอกาส ชายหนุ่มจึงรีบผละออกมาจากบริเวณนั้น เพราะไม่อยากรบกวนและตกเป็นเป้าผิดสังเกตุใดๆจากหมูแม่ลูกอ่อน เขาเดินเลาะไปตามทางด่าน ซึ่งค่อนข้างที่จะเดินสะดวก แต่ก็ต้องคอยหลบหลีกฝูงทาก ที่พากันชูสลอน ที่มีอย่างชุกชุม แต่ถึงแม้จะระวังมากขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นทากกระหายเลือดพวกนั้น ขาแข้ง ของเขาจึงโชกไปด้วยเลือดสดๆ แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าที่ปิดมิดชิดรัดกุม มากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่อาจป้องกันพวกมันได้ กว่าจะรู้สึกตัว ก็ต่อเมื่อ พวกมันกินเลือดของเขาจนอิ่มและทิ้งตัวหล่นจากตัวเขาไปแล้ว เหลือไว้แต่รอยบาดแผล ที่เกิดจากคมเขี้ยวของมัน ที่ฝากไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น ครั้นจะเปลี่ยนไปเดินไต่ตามหน้าผา ก็เห็นทีจะไม่ไหว เพราะสภาพผาหินที่ตั้งชัน เกือบจะทำมุมฉาก มันเกินกำลังของตน ที่จะไต่ผ่านไปได้ โดยไม่มีอุปกรณ์ในการช่วยไต่ จะเลี่ยงมาเดินชายน้ำแบบวันก่อน ก็ยังหวาดเสียวไม่หาย เพราะตัวเองได้เผชิญกับภาพสยดสยองมาแล้ว เมื่อเลือกไม่ได้ ก็ต้องจำใจเดินฝ่าดงทากนี้ไป อาศัยปัดป้องไปตามกำลังของตัวเองที่จะทำได้

          กว่าชั่วโมง ที่เขาเดินฝ่าดงทากแห่งนั้นมาอย่าง ทุลักทุเล จนในที่สุด สภาพพื้นที่ก็เริ่มเปลี่ยนไป ความหนาทึบของไม้ใหญ่ เริ่มโปร่งขึ้นเป็นลำดับ เนื้อที่บริเวณของป่าทึบ ก็เริ่มแคบน้อยลง เพราะระดับน้ำเริ่มกินอาณาบริเวณของป่า เหมือนบริเวณนี้อยู่ในที่ลุ่มน้ำ หรือป่าพรุ ต้นไม้หลายต้น เริ่มเปลี่ยนสภาพมายืนต้นตายพราย หลายต้นก็ล้มโค่น ราวกับว่า มันถูกน้ำท่วมมาเป็นเวลานาน ต้นไม้บางต้นก็ดูแคระแกร็น บิดงอผิดรูป บางต้นก็มีรากโผล่ออกมาดูเก้งก้าง เหมือนไม้โกงกางตามป่าชายเลน แต่ละต้นมีพืชจำพวกมอสและไลเคน เกาะเขียวพรืดไปหมด พื้นที่แห่งนี้ กินอาณาบริเวณไปเกือบจรดหน้าผาหิน ที่กั้นเป็นฉากอยู่ทางเบื้องขวา ซึ่งตอนนี้เริ่มตรอกแคบลง จนแทบไม่เหลือพื้นที่แห้ง หรือแผ่นดิน

          ชายหนุ่มลังเล ในสภาพและเส้นทางที่ตัวเองได้เผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ สายตาก็กวาดสำรวจบริเวณ เพื่อสอบหาเส้นทางที่พอจะผ่านไปได้ ซึ่งพอมองเห็นลู่ทางอยู่เลาๆ เพราะป่าที่ตนเองอยู่ในขณะนี้ มีสภาพโปร่ง พอที่จะมองลอดผ่านช่องของต้นไม้ ที่ขึ้นอยู่ไม่รกทึบนักไปได้ เขามองเห็นแม้กระทั้ง ป่าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งตอนนี้มีสายน้ำใหญ่กั้นกลางอยู่ ลักษณะเหมือนจะแคบเข้ามาบรรจบพบกัน ที่ส่วนปลายของหน้าผาหิน ฝั่งเดียวกันกับที่เขายืนอยู่นี้ และป่าฝั่งตรงข้ามที่มองเห็นตำแหน่งชิดกันที่สุด แลเห็นเส้นเถาวัลย์เกาะเกี่ยวกันระโยงระยาง ราวกับสะพานธรรมชาติ ที่น่าจะสามารถไต่ข้ามไปได้ มันอยู่เหนือขึ้นไปบนสายน้ำที่กั้นขวาง สายน้ำยังคงไหลตามปกติ มองเห็นและสัมผัสได้ถึง ละลอกคลื่นของสายน้ำนั้น เพราะสภาพเหมือนป่าโกงกางที่ขึ้นซ้อนกัน ทำให้สายน้ำที่มองเห็นว่าไหลอยู่จากด้านนอก ดูนิ่งสนิทเมื่ออยู่ภายใน แต่ก็พอที่จะสัมผัสถึงการไหลของกระแสน้ำอยู่บ้าง ถึงแม้จะดูเบาบางก็ตาม

          พื้นที่แห้งก็มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงไปทุกขณะ จนในที่สุดก็ไม่หลงเหลือพื้นดินให้เขาเหยียบย่ำ เพราะพื้นที่ทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ กลายเป็นโคลนตม ทำให้การสัญจร เป็นไปด้วยความยากลำบาก มาถึงตรงนี้ ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องเดินลุยน้ำลุยโคลนอีกครั้ง เพราะลักษณะของรากไม้ที่ขึ้นเหมือนต้นโกงกาง มันขึ้นแซมกันถี่ยิบ ราวกับลูกกรง ทำให้มั่นใจว่า สัตว์ร้ายจำพวกจระเข้ คงไม่สามารถฝ่าแนวรากไม้ที่ขึ้นอยู่หนาแน่นแบบนี้ได้  ชายหนุ่มพยายามลุยเดินฝ่าเข้าไปตามแนวของต้นไม้ ที่พอจะมีช่องทางอยู่บ้าง แต่ก็ดูคดเคี้ยว วงไปวนมา ตามรัศมีของรากไม้ที่แผ่ออกไป บ่อยครั้งที่ก้าวขาไม่ออก เพราะขาของเขาจมลึกลงไปในดินโคลนที่เดินย่ำ ต้องออกแรงเหนี่ยวโหนรากไม้พวกนั้น เพื่อพยุงร่างกายให้หลุดพ้นออกมา ครั้งสองครั้งก็พอทนไหว แต่เมื่อหลายๆครั้งเข้า ร่างกายก็ชักจะอ่อนล้า จนบางทีถึงกับต้องยืนพักหอบจนตัวโยน หนักเข้าก็ต้องมองหาเส้นทางที่คิดว่าสะดวกกว่านี้ ความคิดที่จะเดินลุยไปตามดินโคลน จึงเปลี่ยนมาเป็นไต่เดินไปตามรากไม้ที่ขึ้นระเกะระกะ และดูเหมือนว่าจะง่าย กว่าการเดินลุยไปในปลักโคลน แต่ก็ต้องระวังลื่น เพราะแต่ละรากถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและมอส แต่ละก้าวจึงต้องเหยียบย่างไปด้วยความระมัดระวัง โชคดีที่มีเถาวัลย์และกิ่งก้านของต้นไม้ พอจะใช้ประคองให้เป็นหลักเหนี่ยวรั้งร่างกายของเขาได้ ซึ่งวิธีนี้ ทำให้การเดินทางของเขารวดเร็วและสะดวกสะบายมากขึ้น

          ตั้งแต่เช้า จนตลอดถึงสายของวันนี้ ที่เขายังเดินไต่คลำไปตามเส้นทาง ถึงแม้จะเสียเวลาน้อยกว่าการเดินลุยโคลนตม ถึงกระนั้นก็ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา ทั้งภัยที่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ ที่เกิดจากสภาพของป่าและต้นไม้ที่ใช้เหยียบและเหนี่ยวรั้ง บางชนิดก็มีความลื้น ทั้งที่เกิดจากตะไคร่น้ำและมอส และสภาพของเปลือกที่ห่อหุ่มมันเอง บางชนิดก็มีหนามแหลมคมขึ้นปกคลุมราวกับต้นกระบองเพชร หรือแม้แต่สภาพผุพังของตัวมันเอง ที่อาจจะยืนต้นตายพรายมาเป็นเวลานาน มดแมลง รวมถึงสัตว์มีพิษต่างๆก็ต้องดูให้ถ้วนถี่ โดยเฉพาะ งู ทุกชนิด จะคว้า จะจับก็ต้องคอยสังเกตุทุกครั้งไป ครั้งหนึ่งสิงห์ก็ต้องสะดุ้ง เพราะเสียงโครมคราม ดังมาจากริมตลิ่งติดเชิงเขา เสียงของมันวิ่งย่ำน้ำและดินโคลน จนน้ำกระเพื่อมเป็นละลอกคลื่น เสียงมันดังห่างออกไปราวยี่สิบวา ครั้งแรกก็คิดว่าเป็นจระเข้ จึงรีบตะเกียกตะกาย ปีนสูงขึ้นไปบนต้นไม้ แต่พอสังเกตุออกไปยังตำแหน่งของเสียง ก็ต้องโล่งอก เพราะเสียงที่ว่ามา เกิดจากสมเสร็จแม่ลูกคู่หนึ่ง มันคงตกใจอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็กระสากลิ่นของเขา  ทั้งสองตัวพากันวิ่งๆหยุดๆ แสดงอาการลุกลี้ลุกลน หันรีหันขวาง ชั่วไม่นานเจ้าตัวแม่ก็พาลูกน้อยของมัน ควบโขยกหายไปในดงไม้

            ตลอดเส้นทางของชายหนุ่ม มักพบเจอกับสิ่งที่น่าตื้นเต้นอยู่ตลอดไม่ขาด ทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ที่ออกหากินกันอยู่ในป่าลุ่ม หรือป่าพรุแห่งนี้ สัตว์เล็กจำพวก นก และกระรอกหลากสี ซึ่งพบเห็นอยู่ไม่ขาด รวมไปถึงสัตว์เลื้อยคลาน ประเภท กิ้งก่า และตะกอง แต่ละตัวใหญ่โต มีสีสันสวยงามดูแปลกตา งู ก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานอีกชนิด ที่เขาไม่อยากจะพบเจอ แม้จะพยายามเลี่ยง แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ บางตัวเพียงใช้หอกไม้เขี่ยเบาๆ พวกมันก็พากันเลื้อยหนี แต่บางตัวก็ดื้อด้าน แถมมีอาการทำท่าว่าจะฉกกัด ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องตีและกำจัดมันออกให้พ้นเส้นทาง สัตว์น้ำประเภทปลา มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ บางชนิดก็หาดูได้ยาก เช่น ปลาตะพัด ปลาเสือตอ และเสือตอพ่นน้ำ ก็มีให้เห็นอยู่มากมายเป็นฝูงๆ เพราะระดับน้ำไม่ได้มีความลึกอะไรมากนัก จึงพอที่จะมองเห็น ปลาเล็กปลาน้อยหลากหลายชนิด ที่อาศัยอยู่ตามแขนงของรากไม้ บางครั้งก็เห็นปลาใหญ่ ไล่ฮุบไล่กินลูกปลา ทั้งปลาช่อน ปลากระสูบ ปลาเวียน และปลานักล่าชนิดอื่นๆที่ไม่เคยพบเห็นหรือรู้จักมาก่อน พวกมันพากันว่ายวนเวียนไปตามรากไม้ เพื่อไล่กินปลาเล็กปลาน้อยเหล่านั้น แต่ก็ได้แต่มองทำตาปริบๆ เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากนึกเสียดาย ถ้ามีฉมวก หรือ ตัวเบ็ดพร้อมสาย ติดตัวมาด้วยสักชุด ก็คงจะดีไม่น้อย อย่างน้อยๆเขาก็ไม่พลาดเมนูปลา ถึงแม้ตัวเขาจะทดลองใช้หอกไม้ปลายแหลม ไล่แทงพวกมันแล้วก็ตาม ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เลย

          เกือบครึ่งทางแล้ว ที่เขาเพียรพยายาม เดินไต่เลาะมาบนเส้นทางสายวิบาก ร่างกายและกำลังเริ่มอ่อนล้าลงทุกขณะ พลังงานจากหัวมันเผาเมื่อตอนมื้อเช้าก็เริ่มลดน้อยลง ผลไม้ป่าที่พอจะเก็บกินได้ในป่าแห้งนี้ก็ไม่สามารถเก็บกินได้เลย ถึงแม้จะมีอยู่ดาษดื่ม ถึงแม้จะมีร่องรอยของสัตว์ป่าบางชนิดกัดกินไว้ก็ตาม ตัวเขาเองก็เคยทดลองมาแล้วในครั้งที่พบเจอ แต่ด้วยกลิ่นและรสชาติที่ลองดมและแตะชิมดู สัมผัสได้ถึงพิษภัยที่อาจจะตามมา ผลไม้ป่าบางลูก ก็มีสีสันน่ากิน แต่พาใช้มีดพับปอกฝานดูเนื้อใน ก็ปรากฏยางสีขาวไหลทะลักส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียนออกมา บางลูกก็มีลักษณะผลแบบลูก กีวี่ มีขนเล็กๆปกคลุมเหมือนกำมะหยี่ แต่สัมผัสโดนก็มีอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาทันที หรือแม้แต่ผลที่ดูเหมือนฝัก คล้ายๆ ฝักมะรุม มีรอยกระรอกแทะแกะกินอยู่เกลื่อน พอที่จะมองเห็นความหวังได้บ้าง แต่พอลองหักแกะดู กลิ่นของมันก็เหม็นเขียวแถมมีรสขมจัด ยากที่จะทนกินเข้าไปได้ บางชนิดก็ส่งกลิ่นหอมน่ากิน แต่เอาเข้าจริงๆก็กินไม่ได้ เพราะสภาพของมันมีแต่เปลือกหากินเนื้อในอะไรไม่ได้เลย ความหวังที่จะหาเก็บกินพืชหรือผลไม้ในป่าพรุแห่งนี้จึงไม่สามารถทำได้ ผิดจากป่าที่เขาเคยเดินฝ่ามาในดงทึบ เพราะตลอดเส้นทางดาษดื่นไปด้วยผลไม้ที่เขาสามารถเก็บกินได้มากมาย คิดแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ สู้เก็บใส่เป้หลังติดมาเป็นเสบียงระหว่างทางเสียก็ดี เพราะความคิดที่ว่า ผลไม้ป่าคงมีมากมายทุกที่ไป คงมีให้เก็บกินไปได้ตลอดเส้นทางอย่างที่หวังไว้ ถูกต้องว่าผลไม้ป่ามันมีทุกที่ แต่เขาลืมคิดไปว่า ไม่ใช่ทุกชนิด ที่คนจะสามารถกินได้ถึงแม้สัตว์ป่าจะสามารถกินได้ก็ตา

          เสียงแมลงกรีดปีก ส่งเสียงแซ่ระงม คละเคล้าไปกับเสียงนกกา นานาชนิด ที่ออกหากินแมลงอยู่ในดง บรรยากาศเริ่มร้อนอบอ้าว เพราะดวงตะวันฉายแสงแรงกล้า ถึงแม้จะอยู่ในร่มเงาของหมู่พรรณไม้ก็ตาม ฝูง นาก หลายตัว กำลังดำผุดดำว่าย อยู่รอบๆซุ้มรากไม้ และ ต้นไม้ใหญ่ที่ล้มเกยกันอยู่สองต้น แต่ละต้นที่นอนแช่น้ำอยู่นั้น รัศมีเส้นรอบวงของมันไม่ต่ำกว่าสองเมตร มันล้มในลักษณะพาดยาวไปคู่กัน ครึ่งหนึ่งของลำต้น จมแช่น้ำอยู่ ส่วนด้านบนเริ่มผุพัง จนส่วนโค้งของลำต้น เกือบจะเป็นแนวเรียบ ราวกับใครเอาขวานยักษ์มาถากเนื้อไม้บริเวณนั้นหายไป มีมอสและเฟิร์นบางชนิดขึ้นแซมอยู่หรอมแหรม ส่วนที่เป็นรากและกิ่งก้านต่างๆ ไม่ปรากฏให้เห็น ซึ่งคงจะผุพังไปตามกาลเวลา นากฝูงนั้นยังคงดำผลุบโผล่ อยู่ไม่ห่าง บางตัวก็จับได้ปลาตะเพียนขนาดใหญ่ไม่เกินฝ่ามือ พอจับได้ก็นอนหงายท้องแทะกินอย่างเอร็ดอร่อย บางตัวงมได้ กุ้ง ได้ปู  ก็พากันกัดกินกัน เสียงดัง กรอบแกรบ แต่ละตัวที่ออกหากิน ไม่มีตัวไหน ที่หาอาหารไม่ได้เลย บ่งบอกถึงความชุกชุมและอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ จังหวะที่ฝูงนากหลายตัวกำลังชุลมุนอยู่กับการงมกุ้ง งมปลา มีนากตัวหนึ่ง จับได้ปลาช่อนขนาดเขื่อง ขนาดของเหยื่อที่จับได้ ไล่เลี่ยกับตัวมัน ซึ่งตอนนี้กำลังดิ้นสะบัดตัวสุดฤทธิ์จนน้ำบริเวณนั้นแตกกระเซ็น ภายใต้คมเขี้ยวที่กดฝังลึกลงไปบริเวณคอของปลาช่อนเคราะห์ร้าย มีเพียงส่วนลำตัวและหางของมัน ที่สะบัดแกว่งกวัดบิดไปมา  เมื่อสู้กันในน้ำทำท่าว่าจะเสียเปรียบ เพราะขนาดความโตของเหยื่อ ใหญ่เกินขากรรไกรที่จะอ้าคาบได้ เจ้านากตัวนั้น ก็พาร่างของตัวมันตะกายไต่ขึ้นไปตามรากไม้ แต่ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะน้ำหนักของเหยื่อถ่วงไว้และไม่ได้อยู่นิ่ง กว่าจะไต่ขึ้นไปได้ ก็พลาดร่วงตกน้ำหลายหน จนในที่สุดเหยื่อของมันก็สิ้นฤทธิ์ไม่กระดิกกระเดี้ย กลายเป็นอาหารอันโอชะ

            ในขณะที่นากตัวนั้น กำลังเพลิดเพลินกับอาหารมื้อใหญ่ คือปลาช่อนตัวเขื่อง ที่มันกำลังกัดแทะส่วนหัวและพุงปลาอย่างเมามันในรสชาติอยู่นั้น บรรดาญาติพี่น้องของมัน ที่กำลังสาละวนอยู่กับการหาปลา ก็พากันส่งเสียงร้องเอะอะ บางตัวผลุบดำหายลงไปใต้น้ำ บางตัวว่ายเข้าไปหลบตามพุ่มรกแนวรากไม้ บางตัวก็กระโจนบีนขึ้นมาบนรากไม้ แล้วยืนสองขา หันไปมองสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างที่มันก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน รวมถึงเจ้าตัวที่กำลังกัดแทะปลาช่อนใหญ่ตัวนั้นด้วย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่มันสำเนียกได้ และกำลังเข้ามาใกล้ ทำให้ความระแวกระวังภัยตามสัญชาตญาณเริ่มทำงาน พวกมันจึงพากันแตกตื่นหนีหายไป เมื่อเห็นอะไรชนิดหนึ่ง ไต่งุ่นง่านมาตามรากไม้ใกล้เขามา

          “อ้าวเฮ้ย”ชายหนุ่มอุทาน เมื่อเห็นปลาช่อนตัวเขื่อง นอนตายแน่นิ่งอยู่บนท่อนซุงใหญ่ ที่มีลักษณะผิวไม้เป็นลานเรียบ เมื่อเข้าไปพิจารณาใกล้ๆซากปลาที่พบเห็น ก็พบว่ามันมี ร่องรอยการกัดแทะกินของสัตว์อะไรชนิดหนึ่ง สภาพยังสดๆใหม่ๆอยู่ มีบริเวณหัวและเครื่องในบางส่วนที่แหว่งหายไป เจ้าของซากนั้น เพิ่งจะผละหนีไปเมื่อไม่กี่อึดใจนี้เอง แถมบริเวณพื้นที่ยังเปรอะเปื่อนไปด้วยคราบดินโคลน ซึ่งปรากฏรอยตีน และรอยลากหางขนาดย่อมๆของตัวอะไรชนิดหนึ่งทิ้งไว้เป็นเทือกไปหมด ขนาดของมันเขื่องกว่าตีนแมวหรือชะมด จะว่าเป็นตัวเหี้ ยหรือตะกวดก็ไม่น่าใช่ เพราะร่องรอยที่พบมันฟ้องว่าเป็นคนละชนิดที่พบเห็น

          เมื่ออาหารมื้อใหญ่มากองอยู่ตรงหน้า อย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อน โอกาสดีๆแบบนี้ถ้าไม่รีบคว้าไว้ ก็ไม่รู้ว่าจะพบเจออีกหรือไม่ ยืนพิเคราะห์อยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจ กิ่งไม้แห้งที่มีอยู่มากมาย หาได้ง่ายในดงแห่งนี้ ถึงแม้จะอยู่ในป่าพรุที่มีน้ำท่วงขัง มันก็มีอยู่ดาษดื่น ทั้งไม้ที่ยืนต้นตายพราย ทั้งกิ่งแห้งที่หล่นร่วงค้างอยู่ตามรากไม้ ก็สามารถหาเก็บได้มาไม่ยาก พื้นที่ ที่จะทำการก่อไฟ ก็ไม่มีอะไรยากเย็นเกินกำลัง เพราะลักษณะของท่อนซุงนั้น เกือบจะราบเรียบพอที่จะมีพื้นที่ให้นั่งนอนได้อย่างสบาย ไม่นานกองไฟกองขนาดย่อมๆก็ถูกจุดขึ้นอย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะความชื่นของท่อนซุงมีสูง ถึงแม้จะมีสภาพผุพังมากก็ตาม จึงไม่ต้องกลัวว่าพื้นด้านล่างที่ก่อไฟจะไหม้ลุกราม  และมันก็แข็งแรงและสามารถรองรับน้ำหนักของเขาได้อย่างสบาย เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดความใหญ่โตของท่อนซุงกับมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อย

          ปลาช่อนตัวเขื่อง ถูกไม้สดเสี้ยมปลายแหลม เสียบแทงไปตามความยาวของมัน ไม่ต้องพิถีพิถันอะไรมาก แค่ล้างน้ำทำความสะอาดนิดหน่อยก็ใช้ได้ ปลาช่อนถูกย่างบนกองไฟทั้งเกล็ด พอโดนความร้อนเข้า ก็เริ่มส่งกลิ่นหอม ยิ่งมีน้ำและน้ำมันในตัวปลาหยดลงไฟดัง ฉี่ ฉ่า ส่งควันและกลิ่นตลบอบอวน ความรู้สึกหิวที่มีเป็นทุนเดิม ก็ทวีเพิ่มขึ้นมาอีก จนแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว  พลิกย่างอยู่พักใหญ่ เพราะขนาดของปลาเขื่องจึงต้องใช้เวลา นึกขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาอยู่ในใจ ที่ดลบันดาล ให้เขามาพบกับอาหารมื้อนี้ เปรียบเสมือนเป็นการต่อชีวิตให้มีกำลังได้สู้ต่อไปอีกครั้ง เกล็ดที่ดูว่าไหม้เกรียมแต่ซ่อนเนื้อขาวน่ากินไว้ภายใน ปลาสดๆถูกย่างจนสุกได้ที่ สัมผัสแรกที่ลิ้มรสชาติ มันหอมหวานราวกับได้กินอาหารจากสวรรค์ ยิ่งบริเวณที่เป็นส่วนของท้องปลาที่อุดมไปด้วยไขมัน รสชาติอร่อยลิ้นจนแทบหยุดกินไม่ได้ เพียงไม่นาน ปลาช่อนย่างก็เหลืออยู่เพียงครึ่งตัว พร้อมๆกับความรู้สึกที่อิ่มแปร้

          หลังจากจัดการกับอาหารมื้อเที่ยง ซึ่งมาได้กินเอาเมื่อยามบ่าย ส่วนที่เหลือ ชายหนุ่มห่อเก็บไว้ในเป้หลัง อย่างน้อยๆก็ทำให้อุ่นใจ ว่ามีเสบียงเพิ่มมาอีกมื้อ หลังจากตรวจดูฟืนไฟที่ก่อไว้ว่าดับดี และไม่มีท่าทีว่าจะไหม้รุกราม แบตเตอร์รี่ที่ใกล้หมดกำลัง พอได้ชาร์ตเสียหน่อยก็กลับมามีแรงอีกครั้ง การเดินทางของเขาจึงเริ่มขึ้น โดยยึดเส้นทางที่ตัวเองหมายตาไว้ คือเลาะไปตามแนวหน้าผา ที่เห็นแนวเถาวัลย์เกาะเกี่ยวกันเป็นสายอยู่ไม่ไกลนัก

          การเดินทางของเขา ยังคงใช้วิธีเดินไต่ไปตามรากไม้ ที่ขึ้นระเกะระกะอยู่ทั่วไป ตลอดเส้นทางยังคงยึดขนานไปกับแนวหน้าผา ที่กั้นไว้เป็นแนวกำแพงสูงชัน เมื่อใกล้ที่ตำแหน่งที่หมายตาไว้ สภาพบริเวณก็เริ่มเปลี่ยนไป พื้นที่ป่าเริ่มแคบลง ความลึกของระดับน้ำ ก็เริ่มมากขึ้น เพราะบริเวณพื้นเริ่มชันขึ้นเป็นลำดับ ลักษณะเหมือนเหวลึกลงไป จนมองไม่เห็นพื้นเบื้องล่าง บางช่วงก็ดูมืดวังเวงราวกับอยู่ในเหวนรก ต้นไม้ที่ขึ้นถี่ ก็เริ่มบางตา จนในที่สุดก็ไม่สามารถเดินทางได้ต่อไป เพราะแนวป่าพรุได้หมดสิ้นลง เหลือแต่เวิ่งน้ำสีเขียวมรกต กับหน้าผาที่กั้นเป็นแนวกำแพงซึ่งมันก็ทอดยาวเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด จะเดินไต่หน้าผาก็ทำไม่ได้  เพราะความชันของหน้าผา มันเกินความสามารถของเขาที่จะทำได้ เมื่อมองไล่ไปตามเส้นเถาวัลย์ที่ทอดไปยังฝั่งตรงข้าม ไล่เรื่อยมายังหน้าผาฝั่งของเขา ก็สังเกตุว่ามันเกาะเกี่ยวอยู่บนแง่หิน และต้นไทรใหญ่หลายคนโอบ ที่ขึ้นสูงขึ้นไปบนหน้าผา มีส่วนที่เป็นรากฝอย และรากอากาศห้อยระย้าลงมายังเบื้องล่าง ลักษณะของเถาวัลย์ที่เกาะเกี่ยวกับต้นไทร ทอดระโยงระยางหลายสิบเส้น บางเส้นขนาดเท่าโคนขา บางเส้นก็เท่าแขน เถาวัลย์บางเส้นก็ห้อยระลงมาบนผิวน้ำ มองเผินๆก็เหมือนสะพาน

          เมื่อไม่มีทางเลือก ก็ต้องเสี่ยง ชายหนุ่มเลือกที่จะไต่ไปตามรากไทร ที่ทอดยาวลงมาตามกำแพงหิน บางช่วงก็ไต่ขึ้นไปง่าย เพราะมีแง่หินให้เหยียบ บางช่วงก็ลำบาก เพราะต้องห้อยตัวไต่ไปตามรากไทร เนื่องจากหน้าผาหินมีลักษณะเว้าเข้าไป แต่ก็มั่นใจในขนาดของรากไทรที่ตัวเองใช้โหนตัว กว่าจะไต่ขึ้นมาถึงตำแหน่งโคนของต้นไทร ก็เล่นเอาเหนื่อยจนซี่โครงบาน ความสูงที่มองย้อนกลับลงไป ทำให้รู้สึกใจหายวาบ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีระดับความสูงถึงเพียงนี้ อย่างน้อยๆก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตร นึกแล้วก็หวาดเสียว ถ้าเกิดพลาดตกลงไปก็คงจะแหลกเหลว แต่อีกใจก็นึกภูมิใจในตัวเอง ที่สามารถขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ ความสูงของต้นไทรที่เกาะอยู่บนหน้าผาชัน ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ในระยะไกล เมื่อมองย้อนกลับไปในตำแหน่งที่ตัวเองเดินฝ่ามา มองเห็นเป็นดงทึบเบื้องล่าง ลักษณะเป็นป่าพรุสลับกับป่าดงดิบที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาทึบ โดยมีภูเขาและหน้าผาสูงชัน กั้นเป็นฉากหลัง คู่ไปกับสายน้ำที่คดเคี้ยว ราวกับงูยักษ์ทีนอนทอดยาวไปจนสุดตา ซึ่งตอนนี้สะท้อนแสงแดดอยู่ระยิบระยับ ส่วนฝั่งตรงข้าม ผิดไปจากป่าฝั่งนี้โดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีป่าพรุหรือที่ลุ้มน้ำเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับอุดมไปด้วยไม้ใหญ่ ที่ขึ้นเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น บางช่วงก็มองเห็นที่ว่าง เหมือนหาดอยู่ริมน้ำ บางช่วงก็เป็นแนวหมู่โขดหินขนาดใหญ่ แต่พอมองเหนือขึ้นไป ลักษณะของมันก็ดูว่าจะเป็นโค้งเว้า มีเหลี่ยมเขามาบดบังแลดูสลับซับซ้อน ทำให้ไม่สามารถคาดคะเนเส้นทางได้ นอกจากสายน้ำเส้นนั้น ที่จะยึดเป็นเส้นทางหลัก แต่ก็ไม่อาจจะมั่นใจได้ว่า สายน้ำที่เห็น มันจะมีสาขาแยกออกไปอีกหรือไม่

              เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร สิงห์จะผจญกับเส้นทางต่อจากนี้อย่างไร โปรดติดตามในตอนต่อไป

                          ผิดพลาด หรือตกหล่นประการใด ผมหนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024