ตอบความเห็นที่ - 7


เคยได้ยินเรื่องขบวนการทำลายพุทธศาสนาไหมครับ มีมานานมากเเล้ว สมัยก่อนมี ...... เเก๊งค์นารีพิฆาต ........ ครั้นกาลเวลาผ่านมา ขบวนการพวกนี้ปรับเปลี่ยนวิธีกันไปมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา พระโดนวางยาบ้าง ทำให้ป่วยบ้าง ออกไปเทศน์หรือโปรดญาติโยมไม่ได้บ้างตามที่นัดหมายกันไว้ เรื่องเเบบนี้ไม่มีใครกล้ามาพูดนอกจากผม เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่องค์กรสงฆ์ก็รู้เเต่ทำไมทำอะไรกันไม่ได้เลยในวัันนี้ พระต้องปกป้องตัวเองดูเเลตัวเองจากเรื่องเหล่านี้มาตลอด นานผ่านมาเเล้วก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลงไปในทางที่ดีขึ้นเลย เรายังคงเป็นสังคมที่ลูบหน้าปะจมูก เยินยอ ต  - เเหล กันไปวันๆไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น

มาในยุคนี้สมัยนี้ ลาบศักการะ ใช้เป็นเครื่องมือทำลายพระสงฆ์ - เเละศาสนาพุทธของเรา ได้ง่ายเเละดีที่สุดถูกต้องในสายตาคนทั่วไปมากที่สุด  ไม่มีใครว่าบาปหรือเป็นการกระทำที่ไม่ดี การเอาสิ่งอำนวยความสะดวกสบายทั้งหลายต่างๆไปให้วัดไม่ว่าจะเป็นวันในชนบท วัดป่า หรือสำนักสงฆ์ต่างๆทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า โซล่าเซล  อินเตอร์เนท  + โน๊ทบุ๊ก ไอเเพท/ อีเเพท ทีวีดาวเทียม เเอร์ เเละอีกมากมายบรรยายไม่หมด สร้างไปทำไม ในเมื่อท่านเหล่านั้นมาบวชเพื่อหาความสงบ เพื่อจะได้ก่อให้เกิดปัญญา จะนำพาชาวพุทธให้ตื่นจากสิ่งลุ่มหลงเเละ งมงายต่างๆ

ดูง่ายๆทำไมพระในสมัยก่อนหน้านี้ 30 - 50 ปียังมีคนศรัทธาในตัวท่านมาก เพราะการกระทำของท่านที่ออกมามันให้กับสิ่งรอบข้างมากกว่าตนเอง ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง โรงเรียง โรงพยาบาล เเละสารพัดที่ท่านทั้งหลายทำเอาไว้ ในสมัยก่อนสร้างกันมาเริ่มจากสถานีอนามัยเล็กๆเเล้วขยับขยายจากศรัทธาของคนเเละพระที่ร่วมใจกันทำ เพื่อส่วนรวมโดยไม่ต้องไปประกาศออกข่าวออกทีวีให้ดังเพื่อการโปรโมทใดๆทั้งนั้น วันนี้ทุกอย่างตรงกันข้าม ใครมีตังไปทำบุญก็ขอจารึกไว้ที่ข้างกำเเพงว่าครอบครัวนั้น นามสกุลนั้นสร้างให้มา บริจาคมา อย่างนี้ทำบุญหวังสิ่งตอบเเทน บุญคงไม่ได้ไปคงได้เเค่ทานมากกว่า หากคุยกันเรื่องเเบบนี้ สามปีก็ไม่จบ

ช่วงนึงในชีวิตผมเคยอยู่ในวัดเห็นมาไม่น้อยเรื่อง นารีพิฆาต  พระองค์ไหนในวัดเริ่มมีศรัทธามาก เดี๋ยวเวรพวกนี้ก็หาทางเข้ามาประชิดตัว เรียกว่าเตะเจาะยางท่านก่อนที่ท่านจะดังหรือมีคนมาทราบในสิ่งที่ท่านทำไปมากกว่านี้ หลายองค์ - หลายท่านตกม้าตายเพราะพลาดท่าเสียที นารีเหล่านี้ไปไม่น้อยเลย  เเต่อย่าง ว่า หากทองเเท้ย่อมไม่เเพ้เปลวไฟ ก็อยู่ที่พระจะมีสติก่อนสตาร์ทได้มากน้อยเท่าไหร่ ไม่อยู่ในที่ลับตาซะก็เบาตัว อยู่ในที่มีคนผ่านไปมาได้ก็ดี เเต่เวรพวกนี้ก็รู้ดีศึกษามาอย่างดีไม่น้อยเลยทีเดียว ก็เลี่ยงสิ่งที่ผมว่าให้มากๆจะได้ปลอดภัยจากมารพวกนี้ ยิ่งปัจจุบัน สื่อเอง เครื่องมือข่าวสารเอง ทันสมัยมาก การไม่กรองสืบค้นให้ดีก่อนเผยเเพร่ออกไป เสียหายมากกว่าได้ เเต่ผมก็ยังเชื่อ - เเละศรัทธาว่าทองเเท้ไม่เเพ้ไฟ ดูพระพยอม - วัดสวนเเก้ว นนทบุรีเป็นตัวอย่าง  สมัย 30 กว่าปีก่อนโดนด่าเละเทะว่าไม่สำรวมไม่เรียบร้อยพูดตรงไป โยมรับไม่ได้ พูดตรงเกิน ปฏิเสธการให้ลาบสักการะจากญาติโยมตั้งใจมาถวายบ่อยมาก มาวันนี้สิ่งที่ท่านว่ามาในอดีต ลาบสักการะ ทั้งหลายจะนำมาซึ่งความวิบัติ ฉิบ - หาย เเก่พุทธศาสนา

หากเรายังประพฤติเเละปฏิบัติกันเเบบนี้ เพื่อหวังว่าที่ทำบุญไปจะส่งผลให้ได้ดีมีสุข เเต่ท่านไม่ได้เอาสติเเละหัวใจท่านมาทำบุญกันเลย ท่านทั้งหลายเอามาเเต่ปัจจัยสิ่งของต่างๆมากมาย เเล้วบุญทีท่านหวังมันจะเกิดได้อย่างไร ในเมื่อใจของหลายๆท่านไม่ได้ตั้งมั่นมาเพื่อบุญ บุญที่จริงเเล้ว เราทำไปเเล้วไม่รู้ว่าจะได้อะไรตอบเเทนกลับมาด้วยซ้าไป เเม้กระทั่งตัวพระเอวก็ตามที 


ปล.ผมเป็นคนพุทธโดยเเท้เเละไม่มีวันที่ผมจะเปลี่ยนศาสนาไปนับถืออย่างอื่นไปได้ตราบชีวิตจะหาไม่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าองค์ทรงเจ้าทั้งหลาย หรือการโปรโมทเชิญชวนไปสวรรค์ของสำนักทั้งหลายที่ผมเรียกได้ว่า เป็น ลัทธิ กันไปเเล้วก็คงไม่ผิด เเต่จนวันนี้ผมก็เชื่อมั่นในคำสอนว่า ศาสนาพุทธสอนให้ท่านทำซะ่ก่อน ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะไปร้องขอสวดภาวนา ว่าอยากได้นั่น อยากได้นี่ หากไม่ลงมือทำ ทำสิ่งที่หวังมันจะเกิดได้อย่างไรกัน เพราะขณะนี้ท่านทั้งหลายก็ยังร้องขอ ภาวนากันอยู่เลย ไม่ลงมือทำ หากสิ่งที่ผมว่ามาเป็นการดูหมิ่นศาสนาตัวเองหรือไม่ ผมว่าลองไปเปิดพระไตรปิฏกอ่านกันดูฉบับภาษาไทยมีขายทั่วไปตามวัด ซึ่งท่านสรุปคร่าวๆด้วยตัวท่านง่ายๆ ว่า เองได้เลย มีสติ ไม่งมงาย มีใจบริสุทธุ์ตั้งมั่น ไม่มีตังเราก็ทำบูญได้เหมือนกัน ส่วนรายละเอียดต่างๆนั้นต้องศึกษากันต่อไป 

ตายไปก็คงไม่ได้ไปสวรรคือยู่เเล้วคนอย่างผม เพราะยังเลิกตกปลาไม่ได้ซักที นี่เเหละน๊า ......... กิเลส มันตัดยากจริงๆ  คิดว่าในนรกเราคงได้เจอกันอีกหลายคน มิตติ้งริมกระทะทองเเดง 

พระที่ดี ย่อมไม่สะสมทรัพย์สินวัตถุใดๆอีก หากใครห่มผ้าเหลืองเเล้วยังทำไม่ได้ จงไปอยู่ไกลๆ ตรีน เพราะมรึง เอาผา้เหลืองมาห่มเพื่อกำลังทำลายศาสนาพุทธ กรู อยู่

เราศรัธทาพระมากเท่าไหร่ก็จงอย่าไปให้กิเลสใกล้เขามากเท่านั้น เช่นถวายที่พักติดเเอร์ ถวายรถ ถวายเงินทองของมีค่าต่างๆ ลาบศักการะเหล่านี้ ล้วนนำพาให้ ความฉิบ - หาย มาให้เร็วขึ้น หากพระไม่สามารถกินอยู่ในที่ลำบากได้เเนะให้ไปสึกเเล้วกลับมานอนอยู่บ้าน อย่าไปบวช เพราะการบวชเรียนนั้น หากบวชเเล้วหากไม่ทำประโยชน์ใดๆให้เกิดกับญาติโยม เเละสิ่งที่ทำอยู่ผมเรียกคนพวกนี้ว่า เอาผ้าเหลืองเเปลงกายเป็นพระเเล้วออกหากิน กับคนที่ศรัธทาเเบบไร้สติ พระว่าอย่างไรอย่าไปขัด ตามท่านไปจะได้บุญ

การนับถือพุทธสาศนาก็บอกว่าให้มีสติเสมอ ส่วนสตางค์ในพุทธศาสนาไม่เห้นเคยบอกว่าหากไม่มีตังเเล้วจะทำบุญไม่ได้หรือไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ยิ่งสมัยนี้มาพระที่เรียกว่าพระยากมากเข้าทุกวัน องค์ที่ดีๆมักเงียบ ที่ดังๆเห็นไม่นานออกหน้าหนึ่งทุกที ช่วงหลังกึ่งกลางของพุทธในศตวรรศนี้ไปเเล้วความเสื่อมจะเข้ามาครอบงำจากทุกทิศทาง เเต่คำสอนนั้นยังคงอยู่ตลอดไป

ทำบุญใช้สติ การศรัธทา การกราบไหว้ก็ใช้สติ  สตาาค์ใช้ให้น้อยเมื่อไปทำบุญกับพระ เเล้วเมื่อนั้นพระที่อยู่ตรงหน้าท่าน เราอาจเรียกท่านได้ว่าเป็นพระตัวจริงเสียงจริง 

ปล.อย่าลืมตั้งสติก่อนสตาร์ท - รถทุกครั้งก่อนไปทำบุญล่ะครับ