สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 20 เม.ย. 67
ตามล่าปลาทรายแดง(6) : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 12 - [5 ธ.ค. 62, 20:20] ดู: 8,691 - [20 เม.ย. 67, 03:00] โหวต: 7
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ป.ประจิณ (232 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
22 พ.ย. 47, 14:02
1
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 1
                 
   
      ภายหลังส่งพวกร่วมทีมกลับบ้านหมดแล้ว ไต๋หมีก็เที่ยวตะเวณไปทั่วแนวเกาะด้านทิศตะวันตกเพื่อตามหาปลาทรายแดงตามที่มุ่งหวัง ทั้งดำน้ำ ตกปลาอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สันโดดอยู่กับธรรมชาติ ป่าสวย น้ำใส หาดทรายขาวเพลิดเพลินกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พบเห็นจนลืมวันคืนที่ผ่านไป
    เขารำลึกถึงห้วงเวลาที่ผ่านมากับฝูงปลามากมายของบริเวณนี้ ที่แม้ตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็น่าจะมีความหวัง อย่างน้อยก็น่าจะพบเห็นปลาทรายแดงบ้าง ถึงแม้ว่าปลาเก๋าของบริเวณนี้จะอยู่ในขั้นวิกฤตตามที่พบเห็น
    ทะเลแถบนี้แทบจะหาหมึกกล้วยสำหรับทำเหยื่อตกปลาไม่ได้เลย แม้จะปั่นไฟทั้งคืน ยังดีที่พอมีหมึกหอมให้ตก ถึงจะไม่มากตัวก็พอได้ทำเหยื่อ และเป็นอาหารในทุกมื้อ ยกเว้นตอนเอาเรือเข้าคลอง
    แม้ว่าทางรีสอร์ตจะจัดที่พัก และอาหารเตรียมไว้ให้เป็นอย่างดี แต่เขากลับไม่สนใจความ สะดวกสบายเช่นนั้น พอใจที่จะใช้ชีวิตอยู่บนเรือ หุงหาอาหารกินเองไปตามมีตามเกิด มีขาวสาร น้ำปลา น้ำมันพืช กาแฟ ก็เพียงพอแล้ว
    ปลาข้างเกาะจึงมักจะเป็นอาหารหลักที่ตกขึ้นมาได้จากเหยื่อหมึกหอมแล่ ส่วนมากก็จะเป็นปลาขนาดเล็ก จำพวก ขี้เหม็น นกกระลิง เก๋าป๊อด นาน ๆ จะมีช่อนทะเล กับปลาสากขึ้นมาสักตัว แม้ว่าจะเคยเป็นหมายตกปลาดัง ๆ ในอดีต ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจ ด้วยดำดูจนรู้สภาพใต้ล่าง น้ำที่ใสมาก ช่วงกลางคืนอาจมีปลาจรเข้ามาบ้าง บางครั้งก็ฉวยเบ็ดลากสายยาวขาดไปหลายตัวโดยไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก ปักคันไว้ให้รอกมันร้องเล่น นอนดูเดือนดาวให้ผ่านไปคืน ๆ ทำให้ได้ตรึกตรองทบทวน นึกคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา
    มีบ้างบางช่วงที่ปลัดให้ช่วยเอาเรือวิ่งไปขนวัสดุก่อสร้างที่หัวเกาะ หรือวิ่งเข้าแหลมศอกเพื่อนขนเสบียง อาหาร สำหรับนักท่องเที่ยว นั่นคือเวลาที่เขาจะได้มีโอกาสสำรวจกองหินต่าง ๆ ในเส้นทางที่วิ่งผ่าน จากอุปกรณ์เดินเรือ และเท่าที่สายตาจะมองเห็น
    มีกองหินอยู่นับสิบกองในเส้นทางที่เรือวิ่งจากเกาะกูดถึงแหลมศอก โดยเฉพาะรอบๆ เกาะกระดาด และหัวแหลมศอก เป็นหินกองกระจาย แต่ก็พบเชื้อปลาน้อยมาก เขาชอบจอดเรือคุยกับพวกเรือลอบที่รู้จักกันที่เกาะกูดหลายคน
    ทุกคนก็จะพูดเสียงเดียวกันว่าปลาราคาแพง อย่างปลาเก๋าหายากขึ้นทุกวัน พวกเรือลอบเป็นนักดำน้ำตัวจริง รู้จักหินกอง แนวปะการังทั้งหลาย หมดในแถบนี้ มีความเห็นเหมือนกับที่คณะครูดีสำรวจพบ แต่ด้วยอาชีพทุกคนก็ต้องดิ้นรนหากินกันไป ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
    และบนเส้นทางนี้เองที่ครั้งหนึ่งไต๋หมีแทบจะเอาชีวิตไม่รอด จากการที่เรือต้องบรรทุกของจนเพียบแปร้ เรือเสียสมดุลย์ระหว่างทางที่ต้องวิ่งผ่าสายฝน คลื่นลมแรงจัด ตัวคนเดียว ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องของสายลมเสมือนปีศาจร้าย เขาสู้ประคองเรือด้วยความยากลำบาก กัดฟันฝ่าคลื่นแต่ละลูกที่โถมใส่อย่างบ้าคลั่ง มีความหวังอย่างเลือนลางอยู่ที่หัวเกาะเป็นแนวกำบังลม แต่กว่าจะตีเรือถึงก็แทบขาดใจมือเท้าอ่อนเปลี้ยไปหมด เปียกปอนทั้งตัว เขาคิดอย่างคนหมดกำลังใจ
    …นี่ตูจะมาทำอะไร เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อสำมหาอันใด? เงินก็ไม่ได้ แล้วตูจะบ้าอยู่คนเดียวหาพระแสงไปทำไม คิดถึงบ้าน ลูกเมียที่จากมา พวกเขาจะรู้ไหมว่าป๊ามันลำบากขนาดไหน เป็นความดื้อของตัวเองแท้ ๆ ดึกแล้วหิวจนท้องกิ่ว กว่าจะถึงรีสอร์ตก็อีกพักใหญ่ กัดฟันถือท้ายเดินหน้าต่อไป…
      ช่วงแขกว่างเขาก็จะกลับขึ้นมาบ้านสักสองสามวันแล้วก็ลงไปอีก นอกจากการสำรวจแล้ว เขาก็ช่วยปลัดทำทุกอย่างตามที่นักท่องเที่ยวต้องการ พาแขกตกหมึกหอม ขับเรือลากสกี ตกปลาบ้าง แต่ด้วยปลาหายากพาแขกออกไปแต่ละครั้งก็ไม่ค่อยจะได้ปลามากนัก และส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวที่มาก็ไม่ใช่นักตกปลา ไม่สู้แดดสู้ลม ลมน้ำก็ไม่รู้ นึกจะออกก็ออก ไปไกลหรือมืดก็กลัว ไม่มีใครจะยอมอดทน เพียงแต่ทุกคนอยากได้ปลา จนไต๋ชักระอาเมื่อโดนต่อว่าบ่อยเข้า
   
 

 
 





     




   
   
   


   
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 2

    “พาแขกออกไปครึ่งวันได้ปลาแค่นี่เองรึไต๋?” ปลัดถามเมื่อเขาพาแขกกลับจากหินกองกลางแล้วแขกบ่นว่าไม่ได้ปลาใหญ่
    “ครับ ปลามันหายากก็แล้วแต่จังหวะ มันเอาแน่นอนไม่ได้”
    “แล้วผมจะคิดเงินเขายังไง มีอีกหลายชุดที่ต้องการออก”
    “ตกปลามันต้องพร้อมหลาย ๆ อย่าง ซึ่งไม่ง่ายอย่างที่ต้องการ ผมก็เฝ้าแถวนี้ทุกคืน นาน ๆ จะได้ปลาใหญ่สักตัว”
    “ไต๋ไม่มีฝีมือเองละมั้ง?”ปลัดมองด้วยสายตาไม่เชื่อและดูถูกในฝีมือ
    “ครับ ผมไม่ใช่ไต๋อาชีพ มือใหม่สำหรับที่นี่” ไต๋ตอบเสียงเรียบ ๆ
    “เรือชาวบ้านเขายังลากอินทรีได้วันละตัวสองตัว เอามาส่งที่ร้านประจำทำไม่ไต๋หมีไม่ได้”ปลัดยังไม่ยอมจบเรื่อง
    “ปลัดก็จ้างเรือชาวบ้านออกซิครับ เรือหางยาวลำเล็กไม่มีหลังคา ดูสิว่าใครมันจะกล้าไป ขนาดผมเอาใจเขายังบ่นว่าลำบาก”
    “ก็จริงอยู่ แต่ก็น่าจะได้ปลาใหญ่มาบ้าง”ปลัดผู้ไม่เคยตกปลา ได้แต่ซื้อด้วยเงินพูด
    “ออกไปไกลหน่อย ปลัดก็บอกว่าไม่คุ้มค่าใช่จ่าย เหยื่อก็หายาก ลูกน้องก็ไม่มี แล้วจะให้ผมทำอย่างไร? แล้วเรื่องดำน้ำจะทำต่อมั้ย?”
    “ก็ยังคิดอยู่ มันต้องอดทนรอจังหวะ”
    “หมายดำน้ำเราก็พร้อมแล้ว แถวเกาะรังดีที่สุด”
    “มันไกลแขกสี่ห้าคนรับไปก็ไม่คุ้มค่าน้ำมันเรือ”
      “ผมก็มาไกลกว่านี้เยอะ หมดค่าใช้จ่ายไปไม่ใช่น้อย แล้วก็ไม่ได้หวังให้คุ้มเดี๋ยวนี้?”
    ไต๋หมีนึกถึงวันมาที่นี่ เพื่อน ๆ ช่วยกันลงขันหมดเงินไปเกือบแสน ถึงได้มาสำรวจท่องเที่ยวบริเวณนี้ ซึ่งไม่ใช่ของง่ายด้วยมีค่าใช้จ่ายมาก ถ้าไม่มีผู้สนับสนุน ที่พัก อาหาร น้ำมัน อย่างปลัดก็ยากที่ฝันจะเป็นจริง ซึ่งเขาก็ยอมอดทน แม้จะคิดไม่ค่อยเหมือนกันก็เป็นเรื่องธรรมดาระหว่างพ่อค้ากับนักธรรมชาตินิยม
    “ผมรับแขกที่จะเรียนดำน้ำไว้หลายคน ทำไมติดต่อครูดีไม่ได้เลย”
    “ปลัดต้องถามทิดหมานดู สอนเองไปเลย ดำน้ำเป็นปลาอยู่แล้วมันจะยากอะไร?”
    “ถ้าผมสอนเป็น ผมก็พาแขกออกตกปลาได้แล้วซิ”
  “ก็นั้นแหละ ผมถึงว่า ตอนนี้ผมสอนไอ้หมาให้ใช้เรือเป็นแล้ว”
  “แล้วไต๋จะไปไหน?”
  “จะกลับบ้านก่อน ปลัดเอาเรือไปใช้ได้ตามสบายเลย ไอ้หมาเก่งใช้ได้” 
  “ใช่ มันคนเกาะเป็นลูกเรือตังเกเก่า”
    “ผมจะไปๆ มาๆ สงกรานต์ถึงจะเอาเรือกลับ”
    “ก็แล้วแต่ไต๋ จริง ๆ แล้วผมอยากให้อยู่ แต่ถ้าจะไปก็บอกครูดีให้ติดต่อผมด้วยว่าจะเอาอย่างไร?กับศิษย์ดำน้ำ”ปลัดชักกังวลใจ กับการเงียบหายไปของครูดี
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 3

    ความคิดที่ไม่ค่อยจะตรงกันหลายอย่างทำให้ไต๋หมีอึดอัดที่จะอยู่ต่อ และตอนนี้หมายต่างๆ ก็ถูกบันทึกไว้เรียบร้อยแล้วรอเวลาที่คณะครูดีจะมาดำน้ำดูอีกที ด้วยเป็นหมายน้ำลึกไต๋หมีไม่กล้าที่จะเสี่ยงดำคนเดียว แค่ต้องต่อสู้กับความเงียบเหงา อย่างเดียวดาย ภายใต้สภาพอากาศที่แปรปรวนก็แทบจะแย่อยู่แล้ว
    ความหนาวเย็นของอากาศใกล้เกาะ เป็นความทรมานยามค่ำคืน การย้ายเรือหนีคลื่นลมเป็นเรื่องยุ่งยากเมื่ออยู่ตัวคนเดียว หลายครั้งพลาดตกน้ำ กว่าจะตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ เป็นความลำบากที่อาจถึงตายโดยไม่มีใครรู้เห็น
    แต่ด้วยโทรศัพท์มือถือ ทำให้เขาไม่โดดเดี่ยวเสียทีเดียว เพื่อนฝูง ครอบครัวก็ยังติดต่อได้ แม้อยู่ห่างไกล ก็พอได้เป็นกำลังใจ มีทางระบายออกได้บ้างในยามเหงา เสียงออดอ้อนของลูกสาวยังก้องอยู่ในโสตประสาท
    “ ป๊าอย่าไปอยู่นานนะ เสร็จแล้วรีบกลับมา ถ้าคิดถึงหนูหรือท้อแท้ก็เอารูปหนูขึ้นมาดูป๊าจะได้มีกำลังใจต่อสู้”
    ค่ำคืนหนึ่งที่หินกองหลังเกาะกระดาด อากาศที่หนาวเย็นท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับ เขาเอาเรือออกมาลอยตกปลาคนเดียว ความคิดถึงลูกแล่นขึ้นมาจับจิต อีกสองวันก็จะกลับไป หมึกหอมตัวใหญ่ขึ้นเล่นไฟ
    …เอ๊อ..ขอไปฝากลูกหน่อยนะ กินกุ้งปลอมซิ เจ้าหมึกน้อย น่านอย่างน้าน…ชีวิตหนึ่งอยู่หรือตาย เพื่ออีกชีวิตหนึ่งก็นับว่ามีค่าควรแก่การคารวะแล้ว …เอาอีก...ตัวนี้เผื่อแม่… เมีย…เพื่อน…เจ้าอ้วนด้วย…เอ่อ.. มีเจ้าตัวเล็กอีก…
    หมึกหอมถูกชำแหละตากแดดบนดาดฟ้าเรือ ก่อนเข้าเทียบท่าในคลอง ลมเหนือลงแรงจัดคงจะพัดอยู่อีกหลายวัน
    เขาเดินทางกลับบ้านด้วยรถทัวน์กรุงเทพ-ตราด อีกครั้งทิ้งภาพฝันของเกาะกูดที่งดงามแต่ภายนอกไว้เบื้องหลัง
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 4
   
      ทุกคนอยู่พร้อมหน้าดีใจที่เห็นไต๋หมีกลับมา พ่อ แม่ ลูก เมีย  ล้วนแอบร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง ไม่ต้องการให้เขาไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือเช่นนี้ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล จะหาความแน่นอนจากไหน แม่เขาเคยพูดไว้ ก่อนที่เมียจะย้ำอีกครั้ง
      “มันจะได้อะไรกับความคิดเพื่อปกป้องทะเลไทย ใครเขาจะสนใจ?” ลุงหมานที่นั่งคุยอยู่ด้วยยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ปากก็เคี้ยวหมึกตุ้ย ๆ แกล้มเหล้า
      “ได้ประสบการณ์ของชีวิต และก็หมึกหอม กินซิลูก”
    “ป๊าไปเสียนานไอ้อ้วนมันคงคิดถึงมาก มันเหงา ๆ ไม่มีเพื่อนเล่นน้ำด้วย ดูสิมันคอยเฝ้าไม่ยอมห่างเลย”ลูกสาวว่า
    “ป๊าก็คิดถึงมัน ตอนเล่นน้ำ ถ้ามันอยู่ด้วยคงจะสนุก มันคงช่วยป๊าได้ตอนตกน้ำ ” ไต๋หมีเอามือลูบหัวไอ้อ้วน อีกมือก็โอบลูกสาว
    “เป็นนักดำน้ำ ตกน้ำจะกลัวอะไรไต๋?”ลุงหมานแซว
    “นักดำน้ำนั้นแหละตัวดีทิดหมาน ถือว่าเก่งตายกันมาเยอะแล้ว”
    “ป๊ากลับบ้านดีกว่า อย่าไปสำรวจมันเลย ”
    “ตอนนี้ก็เสร็จแล้วลูก ต่อนี้ไปก็จะไปเที่ยวอย่างเดียว”
    “ดีจัง ขอหนูไปด้วยนะ เอาเจ้าอ้วนไปด้วย”
      “ตกลงให้หนูปิดเทอมก่อน”
    …ไต๋หมีนิ่งคิด สิ่งที่กำลังทำอยู่คือความห่วงใยที่มีต่อทะเล แต่ชีวิตของตัวเองที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวล่ะ เขายังต้องรับผิดชอบอยู่ ถึงแม้ว่าธุรกิจที่ทำอยู่ตอนนี้จะเหมือนกับเรือน้อยกลางคลื่นลม เมื่อยังไม่จมก็ต้องพายสู้กันต่อไป…
    “นี่ป๊า..นุเพื่อนป๊ามาหาวันก่อน เขาอยากให้ป๊าขึ้นมาช่วยดูแลงานก่อสร้างหน่อย กลับมาทำอาชีพเดิมเถอะ”
    “ผมว่าพักเรื่องดำน้ำไว้ก่อนก็ดีไต๋ จนกว่าปลัดจะเอาจริง”ลุงหมานพูดอย่างรู้ใจเพื่อน ความดื้อดึงของเขายากที่ใครจะห้าม
    “ดีเหมือนกันขึ้นมาทำงาน เตรียมหาเงินไปลุยต่อ”
    ไต๋หมีขึ้นมาทำงานได้สักพัก ช่วงหลังปีใหม่ ขณะที่อากาศกำลังเย็นสบาย คุณนุเพื่อนที่ทำงานด้วยกันก็อยากจะออกทะเล เพราะได้ข่าวว่าปลาอินทรีกำลังเข้าตราดแถวหินกองห้าร้อย ไต๋หมีโทรบอกปลัดให้ไอ้หมาเตรียมเรือมาลอยลำไว้ปากคลอง
    ไต๋หมีเดินทางไปพร้อมกับลุงหมาน นุเดินทางไปกับพนักงานพบกันที่เกาะกูด เตรียมลุยกันแบบสบาย ๆ ให้หายเครียดสามวันสามคืน
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 5
    รุ่งเช้าที่รีสอร์ตทุกอย่างก็พร้อม อุปกรณ์ เสบียงอาหารถูกขนลงเรือ ไต๋หมีเตรียมหาเหยื่อ วิ่งเรือออกมาไดหมึกแถวแหลมศอกคนเดียว ลุงหมานสอนเด็กดำน้ำ เตรียมเรือเร็วที่ลากมาไว้ก่อนอีกลำ ตกค่ำก็กินเหล้ากับปลัด มีแผนการเที่ยวหลายรายการที่ต้องประสานร่วมกัน
    แถวเกาะกระดาดไต๋หมีปั่นไฟอยู่นานสามชั่วโมงก็ไม่มีหมึกขึ้น เขาเลยตัดสินใจวิ่งเข้าใกล้แหลมศอก น้ำจะออกสีเขียวขุ่นและตื้น ซึ่งเขามาหลายครั้งก็ได้หมึกพอสมควร แต่วันนี้ดูเหมือนทะเลจะไม่เป็นใจทั้งหรี่ไฟทั้งตกก็ไม่ได้หมึกสักตัว จนสว่างจึงลงเบ็ดเล็กเพื่อหาอาหาร
    แต่แล้วสิ่งที่ไม่ได้คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อปลาทรายแดงฉวยเบ็ดขึ้นมาตัวหนึ่ง เขาดีใจจนบอกไม่ถูก ด้วยตามหามานาน แทบจะพลิกท้องทะเล ต้องเอาไปอวดลุงหมานหน่อย ก่อนปลดเบ็ดปล่อยลงห้องขังเหยื่อ
    “ทรายแดงเอ๋ย! เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวเกาะสวาทหาดสวรรค์ เล่นน้ำใส ชมปะการังแสนสวย ดูคนรวยสร้างรีสอร์ต พบญาติเจ้าเก๋าย่ำสวาท ถ้าพอใจจะยึดครองป่าเขา หาดทรายขาวตรงไหนขอให้บอก มันเป็นของข้า ข้าจอดเรือนอนจับจองมานานแล้ว”
    ไต๋หมีรีบตีเรือกลับเกาะ กลางทางแวะแลกเหยื่อกับพวกเรือได พอได้หมึกตายกับปลาหัวอ่อน ลุงหมานเอาเรือเร็วไปรับนุ โทรนัดเจอกันเที่ยงวันที่หินกองเล็กอ่าวบังเบ้า หมายใหม่ทีไต๋พบโดยบังเอิญ
    พอไปถึงทั้งสองคนเลือกที่จะดำน้ำก่อน โดยไต๋คอยช่วยเหลือบนเรือ ส่งเพื่อนลงน้ำเสร็จก็หันมาหุงข้าว เตรียมอาหาร ผ่านไปครึ่งชั่งโมงทั้งสองก็ขึ้นจากน้ำ
    “พบอะไรบ้างนุ?”
    “พอมีปลาไต๋ หินไม่ใหญ่”
    “กินข้าวก่อนดีกว่านี่ก็บ่ายแล้ว”
    “เดี๋ยวขอลงเบ็ดก่อน”
    น้ำนิ่งสนิท ลุงหมานกับนุช่วยกันลงสาย  ปักเบ็ดไว้รอบท้ายเรือ พร้อมกับอ่อยเหยื่อปลาหัวอ่อน ไม่มีปลาฉวย ตะวันบ่ายคล้อยพอน้ำเริ่มขยับลงสงครามก็เกิดขึ้นทันที ฝูงปลาสากเข้าถล่มเบ็ดทุกคันที่เหยื่อหย่อนถึงน้ำ เป็นความชุลมุนที่ไต๋ไม่เคยพบเห็นตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ตามด้วยตะคองเหลือง ก่อนค่ำปิดฉากด้วยช่อนทะเลขนาดสวยอีกสองตัว ลมเริ่มแรงปลาหยุดฉวย ลุงหมานขอตัวขับเรือเร็วไปกินเหล้าต่อกับปลัด ไต๋หมีกับนุจะปักหลักนอนที่นี่คืนนี้
    หลังอาหารค่ำไต๋หมีก็หลับเป็นตายด้วยไม่ได้นอนมาทั้งคืน ปล่อยให้นุเฝ้าคันเบ็ด ตกหมึกหอมอยู่ท้ายเรือ ก่อนรุ่งสางเสียงนุก็ดังขึ้น
    “ไต๋ตื่น ๆ มันเอาแล้ว เตรียมตะขอ ไอ้ช่อน”
    ปลาลากสายออกไปยาว กว่าจะเอาเข้าข้างเรือได้เล่นกันหลายยก ไต๋หมีเอาตะขอเกี่ยวขึ้นเรือได้ก็ส่งให้นุถือด้ามไว้ รีบมาเอากล้องถ่ายรูปหน้าเก๋งเรือ ยังไม่ทันไรนุก็ร้องเสียงหลง
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 6
 
    “โอ้ย ! ช่วยด้วย เบ็ดมันเกี่ยวมือ” ไต๋หมีตะลึงเมื่อเห็นเบ็ดขนาด6/0 เกี่ยวเข้าง่ามนิ้วกลางซ้ายทะลุออกหลังมือ
    “มันสะบัดตอนจับ ลืมตีหัว โอ๊ย จะเป็นลม”นุบอก ไต๋หมีเอาไม้ฟาดหัวปลาจนนิ่ง
    “ทำอย่างไรดีล่ะ?”ไต๋ทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเลือดทะลัก
    “เอาคีมตัดสายรีดก่อน  แล้วบีบเงี่ยงย้อนเบ็ดกลับ”
    นุสติยังดี ทั้งที่เจ็บ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น แต่ไต๋เหงื่อตกกว่าจะเอาเบ็ดออกมาได้สำเร็จ ล้างแผลกินยาแก้ปวดนุก็ยังสู้ต่อ รุ่งเช้ายังได้อัดช่อนใหญ่ขาดรอดคมตะขอไปอีกตัว
    “สายแล้วปลาไม่ฉวย ไปไหนดีล่ะไต๋”
    “หินกองกลาง หาอินทรีดีกว่า เดี๋ยวโสกปลาเหยื่อเอา”
    เรือวิ่งออกมาอีกเล็กน้อยก็ถึง ทิ้งสมอเสร็จ เสียงโทรศัพท์จากลุงหมานก็ดังขึ้น บอกว่าปลัดชวนไปเกาะรังในช่วงบ่าย ให้ไต๋เอาเรือไปด้วยมีแขกดำน้ำหลายคน เสียงรอกท้ายเรือก็ดังยาว
    “เอาแล้วไต๋ อินทรีช้าง มันฉวยคามือเลย”สายถูกลากออกไปไกล พร้อมกับการกระโดดโชว์ลีลาของกระโทงเทงหนุ่ม ราชาแห่งท้องทะเล
    “นายนี่มันแน่จริงๆ นี่ขนาดมือเจ็บนะ”
    “ไต๋ซิ แน่กว่า เชื่อแล้วว่าไม่ใช่ราคาคุย”
      “แล้วนายเอาอะไรทำเหยื่อล่ะ?”
      “ก็ปลาทรายแดงในห้องขังเหยื่อไง เห็นมีอยู่ตัวหนึ่ง”
      “เฮ้ย! นุ นั้นมันปลาที่ผมตามหามานานนะ จะเอาไปอวดทิดหมานหน่อย”
      “อ้าว ใครมันจะรู้  แล้วจะให้ทำไง?”
      “รีบเก็บสายเบ็ดซิ แล้วปล่อยเจ้ากระโทงไป”
      “ปล่อยทำไม? หายากจะตาย กว่าจะตกได้ มันต้องเป็นของผม”
      “ขอร้องเถอะเพื่อน เอาแค่รูปถ่าย เร็ว ๆ เดี๋ยวมันตาย”ไต๋หมีเร่งเร้าเพื่อนที่กำลังสนุกกับลีลาอันสวยงามของคันเบ็ดราคาแพง
      “เอ้างั้นก็ได้ จะเป็นไรขอแค่ตัวเดียว”นุบ่นพร้อมเก็บสายไป ไม่เข้าใจว่าไต๋คิดอะไรอยู่
      “ ที่ได้มาก็มากพอสมควรแล้วนุ เสียปลาทรายแดงไปแล้วอย่าให้ต้องเสียปลากระโทงอีกตัวเลย”
      “ผมก็รู้ว่ามันเป็นปลาหายากทั้งคู่ แต่…….”
      “ไม่ต้องมีแต่น่า...กว่าจะหาปลาทรายแดงพบ ปลาหลายตัวต้องจบชีวิตเพราะผม”
 
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 7
 
    นุพยายามเก็บสาย แต่ก็ไม่ง่ายด้วยเป็นสายเล็กใช้ตกอินทรี จนปลาเข้าข้างเรือด้วยความอ่อนล้า เห็นแววตากลมใส ดูเศร้าหมอง วิงวอนขอชีวิต ไต๋หมีใช้ผ้าจับจะงอยปาก ปลดเบ็ด ถ่ายรูปเสร็จก็รีบปล่อย ทั้งสองคนยืนมองกลัวปลาจะไม่รอด สักพักมันก็ขยับตัวช้า ๆ ก่อนว่ายดำดิ่งลึกลงไปสู่พื้นน้ำสีครามเข้ม
    “ขอบใจมากนะนุ”เสียงไต๋อ่อย ๆ ด้วยความรู้สึกในใจ
    “ไต๋ขอชีวิตมันเพื่ออะไร?”
    “เพื่อท้องทะเลไทย และไถ่บาปให้ผม”
    “บาปกรรมอะไร?ของไต๋”
    “ที่ผมหลงผิด… คิดตามล่าปลาทรายแดง”

                        - จบ -
ตามล่าปลาทรายแดง(6)
ภาพที่ 8

  (แล้วช่วงสงกรานต์ ไต๋หมี และลูกสาว ลุงหมาน ไชโย เหวียน ก็ขึ้นไปเที่ยวเกาะกูดอีกรอบ ก่อนล่องเรือกลับ เลาะเที่ยวมาตลอดแนวชายฝั่งจากแหลมศอก ผ่าน ช้างน้อย หินเพลิง ร่องจันทร์  แสมสาร บางเสร่ จนถึงบางปะกง  ในเวลา 1 อาทิตย์ )

                                                ขอขอบคุณที่ติดตามอ่าน
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024