สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 4 พ.ค. 67
ลูกผู้ชาย...เรือพายกับสายน้ำ 1 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 0 - [] ดู: 2,023 - [30 เม.ย. 67, 18:01]
ลูกผู้ชาย...เรือพายกับสายน้ำ 1
ป.ประจิณ (232 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
3 ก.ค. 52, 22:26
1
ลูกผู้ชาย...เรือพายกับสายน้ำ 1
ภาพที่ 1

 
      มันเป็นเรื่องเล่าของลูกผู้ชายคนหนึ่ง...ที่เกิดและเติบโตมาบนลุ่มน้ำบางปะกงแห่งนี้  กว่า 50 ปีที่ผ่านมา ได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  และดับไป  ไม่ต่างอะไรกับวัฏจักรของสายน้ำ ที่ไหลขึ้น ลง  ก่อให้เกิดสรรพสัตว์  สรรพสิ่ง  และเรื่องเล่าขานเป็นตำนาน ผ่านชีวิตผู้คน ผ่านกาลเวลา ป่าเขา ทุ่งนา จากหยดน้ำเล็ก ๆ  เป็นลำธาร ลำคลอง และแม่น้ำใหญ่ ก่อนจะไหลลงสู่อ่าวไทยตอนบน
      พื้นน้ำอันแสนอุดมในอดีต... แต่ทุกวันนี้เป็นได้แค่เพียง บ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ ที่รองรับทุกสิ่ง ทุกอย่าง จากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ผู้เจริญ
    ย้อนอดีตเมื่อวัยเด็ก สายน้ำเล็ก ใหญ่ มากมายบริเวณนี้ ล้วนมีความหมายกับทุกชีวิต  ผมได้เล่น  อาบ  กิน  พร้อมกับเลี้ยงควาย ฝูงปลามากมาย มีให้ตก ทง หรือลงตาข่าย อยากจะหากบ ก็ร้อง “โอ๊บๆ”  เวลาฝนไหลริน  ปูนา  ปูแสม  แมงดา  อยู่ใกล้ชายคา แค่ตำน้ำพริกรอท่า พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวจะได้กิน  จิ้มกับผักริมรั้ว แกงส้มสายบัว หยวกกล้วยยายหลนปลาร้า แอ้มยอดกระถิน ท้องอิ่มดีแล้วรีบไปวิ่งเล่น ลมทุ่งโชยมา ไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำก็ใส ไหลเย็น อาบแล้วชื่นใจ ไม่เห็นต้องใช้น้ำประปา
      ตอนเรียนประถม ใช้คันนาเป็นทางเดิน ย่ำบนกอหญ้า แลเห็นข้าวกล้าเขียวขจี ไม่มีถนน ไม่มีไฟฟ้า ใช้วัวควายเทียมไถ  เวลามันถ่ายออกมา ข้าวกล้า ก็งอกงามดี ไม่ต้องใช้ปุ๋ยที่ราคาแพง  มันเป็นของแสลง  เพราะค่าแรงงานแทบจะไม่มี ใช้การลงแขก หมุนเวียนกันไป ชีวิตไม่ยากไร้ อยู่กันแบบวิถีไท ทุกคนมีน้ำใจ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้  แหม! มันผิดกันไกลกับตอนนี้
      ยามหน้าน้ำหลาก คันนาเดินไม่ได้ ต้องพายเรือไป แสนจะสนุกดี เป็นเรืออีแปะที่พ่อต่อให้  พอนั่งกันได้สองคนน้องพี่ ช่วยพาย ช่วยถ่อ คุยเล่นกันไป ไม่นานเกินสาย  ทันเคารพธงชาติได้ไม่ต้องถูกครูตี รองเท้าไม่เคยใส่ รอบ ๆ เป็นโคลนตม  ก็น้ำมันท่วมทุกปี
      หลังโรงเรียนเลิก ก่อนจะถึงบ้านจะต้องพายเรือเล่น ว่ายน้ำพอเป็น  เอาเรือมาจมเล่น  แล้วช่วยกันวิดโคลงไปโคลงมา บ้างทีก็แก้ผ้า  กลัวแม่จะฟาด พรุ่งนี้ต้องใส่อีกวัน เสื้อผ้าแสนจะเก่า  ต้องปะชุนเอา  กว่าจะจบป.4  เป็นอยู่อย่างนี้จะไปทางไหน ต้องใช้เรือพาย  เพราะมันสะดวกดี มีกันทุกบ้าน  ถ้ามีเงินหน่อย  เขาจะไปถอยเครื่องหางยาวมาขี่ แสนจะโก้หรู เวลาไปงานวัด จะได้เห็นตลาดนัดเรือสวย  สาว ๆ  ก็มากด้วย มาทำบุญ...มาหาแฟนที่เป็นหลวงพี่
      พ่อผมก็มีเรือ  เป็นเรือหางยาว  ขนาดใหญ่นั่งได้หลายคน  ใช้เครื่อง “เจโล่”  ติดท้าย  วิ่งเร็วทันใจ  เพื่อนบ้านใช้เครื่อง “บิ๊ก” หรือไม่ก็ “โรแทก”  แล่นแข่งกัน วิ่งจนน้ำบานเข้าถึงหัวกระไดบ้าน กระถางแตกไปก็มี โดนหลายครั้งเข้า จนยายโมโห...ร้องด่าสวนไป
“ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน...ใครวะ!ไอ้จิณ ?” ยายด่าเสียงลั่น แข่งกับเสียงเครื่อง ปื้อ ๆ
“ ก็ลูกเขยยาย...พ่อผมยังไง...ทำจำไม่ได้  หรือตาไม่ค่อยดี” 
“ เสียงมันดังหนวกหู เดี๋ยวแม่จะเพ่นกระบาลให้...”ยายก็ด่าไปเรื่อย ๆ แม่ก็นั่งหัวเราะ กว่าพ่อจะกลับยายก็ลืมแล้ว
      เครื่องแต่ละตัว  เสียงจะดังไม่เหมือนกัน ...มียาว  มีสั้น  มีหนัก  มีเบา  มีแบบถี่ ๆ  มีกระเซ้า  กระแซะ ก่อนจะถึงบ้าน หมาจะเห่าทุกที  “ไอ้ตูบ” มันจำเสียงได้ว่าเรือของใคร  ถ้าของพ่อแน่...มันจะกระดิกหาง มายืนคอยที่ท่าน้ำ ส่งเสียงเห่าด้วยความดีใจ... “โฮ่ง ๆ  ๆ” ทำนอง “สวัสดี”ขอขนมกินบ้างสิ...ตอนนี้ผมมี “ไอ้อ้วน”...ซึ่งมันฉลาดเหมือนกับไอ้ตูบ...แต่ไม่ดุเท่า
   
ลูกผู้ชาย...เรือพายกับสายน้ำ 1
ภาพที่ 2

  กว่า 40 ปี...ผมยังจำได้  ก่อนจากบ้านไปเรียนมัธยมอีก 6 ปี...ไปเป็นเด็กวัด อยู่ท่าสะอ้าน ก่อนจะสร้างสะพานมอเตอร์เวย์ในทุกวันนี้ ด้านหน้าแม่น้ำบางปะกง  ยามเย็นค่ำลง พระจะมาสรงน้ำ ในช่วงน้ำจืด ไหลมาจากเขาใหญ่ จะเป็นสีขาวๆ ขุ่น แต่สะอาดดี พวกเด็กวัดก็จะมาว่ายเล่นด้วย  พร้อมกับเณรน้อย  กระโดดตัวลอย  พุ่งหลาว  ตีลังกากลางหาว  อวดกันว่าใครได้กี่รอบ เฮ ฮา เสียงดัง  ดำผุด ดำว่าย แกล้งจับขากันทำเป็นจระเข้ ให้เพื่อนตกใจ บ้างขึ้นบนกอสวะลอยไปไกลๆ  กว่าจะว่ายกลับมาได้...เห็นหอบกันตับแลบ แต่ก็สนุกดี
      พระคอยดูแล ไม่ให้เล่นนาน ยามน้ำไหลแรงขึ้น มันอันตราย  ควรจะเลิกซะที...ถ้าใครไม่เชื่อเดี๋ยวจะโดนหวาย อดขนม นะจะบอกให้ หลวงพี่ก็ชอบขู่เสียงดัง จนศิษย์วัดวิ่งหนี กลัวจะถูกตี หรือต้องนวดพระฟรีไม่ได้สตางค์ ก่อนจะเข้านอนต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อน ถึงจะไปนอนได้ ช่วงเช้ามืดอีกครั้ง ใครไม่มาจะถูกทำโทษตามหลัง  เจ้าอาวาสเข้มงวดมาก ด้วยพ่อแม่อยู่ไกล เอามาฝากพระไว้ ให้ศึกษาเล่าเรียน 
    ท่านจะอบรมสั่งสอน ในเรื่องศีลธรรม เรื่องเวร เรื่องกรรม ให้ได้รู้ ได้เห็น ว่าทุกชีวิตล้วนมีที่มา ที่ไป เวียนว่าย  ตายเกิด จนนับชาติกันไม่ถ้วน กว่าจะเกิดมาเป็นคนได้ มีนรก  มีสวรรค์  มีนิพพาน  คือสถานที่พ้นทุกข์  บรมสุข ชั่วกัลปาวสาน  ควรฝึกให้รู้แจ้ง ในกาย ในจิต  จนถึงอริยมรรค ผ่านทางไตรสิกขา ศีล  สมาธิ  ปัญญา  มนุษย์ใจกล้าเท่านั้นที่จะทำได้  สัตว์ที่ภพภูมิต่ำกว่า ต้องรอมาเกิดใหม่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป โดยใช้การภาวนา  “พุธโธ”  หรืออะไรก็ได้ให้จิตตั้งมั่น จนเกิดพลังรู้เห็นรูป  นาม ตามความเป็นจริง  ถึงจะเข้าทางสู่ “นิพพาน” 
    ตอนเป็นเด็กวัด ผมก็ทำตาม ๆ กันไป ยังไม่รู้อะไรมากมายนัก จนปัจจุบันพอเริ่มเข้าใจ เมื่อไป ฝึกวิปัสสนา  กับพระสายป่า และศึกษาเพิ่มเติม ที่ลึกขึ้นกว่าเดิม พระอาจารย์บอกว่า จิตที่สงบแล้ว เหมือนน้ำนิ่ง จะเห็นภาพสะท้อนชัดเจน นึกจะมองย้อนไปในอดีต หรืออนาคตก็สามารถทำได้ มาก น้อย แล้วแต่กำลังของสติที่มี ไม่ใช่ของแปลก “ จิตกับจักรวาล” เป็นสิ่งเดียวกัน
     
ลูกผู้ชาย...เรือพายกับสายน้ำ 1
ภาพที่ 3

ผมยังจำหลวงพี่รูปหนึ่งได้ติดใจ ท่านออกบิณฑบาตทางน้ำ โดยใช้เรือ ผมชอบแอบเอาเรือของท่านไปพายเล่นตอนช่วงเย็น ๆ  พระไปลงโบสถ์ ท่านกลับมาก็โกรธ จะเอาไม้มาตี  ด้วยกลัวว่าผมจะจมน้ำ ท่านคงพูดด้วยหวังดี  หรือหวงเรือที่ทำมาใหม่ ลงน้ำมันเงา งามมาก
“ พายเรือเป็นหรือ...ไอ้ดากี้ร์ ?” ท่านจ้องหน้าถามผม พร้อมไม้เรียวในมือ
“พอเป็นครับ...ที่บ้านมีเรือ” คิดถึงเรืออีแปะลำเก่า ไม่ได้พายมานานแล้ว
“งั้นพรุ่งนี้มาพายให้หลวงพี่ที” ผมประณมมือโล่งอก บอกท่านว่า
“ได้ครับ ให้หลวงพี่นั่งหัวเรือ จะพายให้ถึงบ้านสีกาแสนสวยของหลวงพี่ทุกวันเลย”...ท่านหัวเราะชอบใจ ก็ของมันชอบ  แล้วผมก็เอาเรือไปพายเล่นได้ตลอดปี
      ยังไม่ทันเรียนจบ ตอนกลับมาบ้านช่วงหน้าน้ำหลาก พ่อก็จะสอนให้ขับเรือหางยาว กว่าจะเป็นก็วิ่งเข้านาข้าวเสียหลายรอบ จะไปวัด ไปตลาด  หรือไปบ้านญาติผมก็ขับเรือไป ในคลองน้ำใส  สวะก็ไม่ค่อยมี  ดังโบราณว่าไว้  “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า”วันเวลาที่ผ่านมาไม่นาน ทั้งเรือทั้งเสือก็หมดไป  คลองตื้นเขิน ป่าไม้ก็ถูกทำลายกว่า 70 %ของพื้นที่ประเทศ  แล้วจะว่าอย่างไร? เมื่อวิถีไทยเปลี่ยนไป อย่างทุกวันนี้ !
      เรือของพ่อเลิกใช้  เครื่องถูกนำไปวิ่งท่อ แล้วก็เก็บไว้ มีถนนเข้ามาแทนที่ นาข้าวถูกเปลี่ยนมาเป็นนากุ้ง ยอดผักบุ้งยังเฉา ด้วยการใช้น้ำเค็มผสมกับน้ำจืด  เติมคลอรีนลงไป เพื่อฆ่าจุลินทรีย์ จนความหลากหลายทางชีวภาพที่เคยมี ต้องสูญสิ้นไป พร้อมกับสุขภาพของชาวนากุ้ง ในหลายพื้นที่
      พ่อเลี้ยงกุ้งได้ไม่นาน...กำไรเคยมี ก็ต้องหมดไป พร้อมกับร่างกาย ที่ย่ำแย่ลง ต้องรักษาตัวนานกว่าสิบปี  เพราะสติขาดหาย จากพิษสารเคมี ยาผสมอาหารกุ้งที่เอามาขาย  ซึมเข้าภายใน มันค่อย ๆ ทำลายเซลล์ประสาทไปทุกที พอถึงเวลาก็ยากที่จะแก้ไข มันสายไปแล้วทั้งๆ ที่พ่อก็เป็นคนดี
      ชาวนาหลายคนในบริเวณนี้  ต่างอวดร่ำอวดรวยเวลาขึ้นกุ้ง  ตอนนี้ลูกหลานต้องช่วยกันพยุงไปขี้  มันเวรหรือกรรมอะไร?... ถ้าใครรู้ได้ช่วยตอบผมที  ได้แต่คาดเดาว่า ถ้าไม่รู้คุณของข้าวก็โง่เขลาสิ้นดี พื้นดินอู่ข้าว เอาไปทำนากุ้งยังยุ่งขนาดนี้ แล้วนี่!โรงงาน อาคารแปลก ๆ เข้ามาแย่งกันเกิด บานยังกะดอกเห็ดหลายคนเห็นว่าดี เป็นที่พึ่งใหม่ ให้ชีวิตเจริญขึ้น...
“ถ้ามันวิเศษจริงนะ!...ขอให้พ่อผมหาย...จากอัมพาตในตอนนี้... ผมจะก้มลงกราบไหว้มลพิษทั้งหลาย...แทนพระพุทธเจ้า…ใครเห็นว่าดี? ”
    ไม่ได้พูดประชด  หรือขวางการพัฒนา  แต่ที่เห็นกับตาของภาคตะวันออก เดี๋ยวนี้ ! เข้าไปดูได้ที่มาบตาพุดแหล่งอุตสาหกรรมมากสุด ในพื้นที่ระยอง และข้างเคียง  เล่นเอาคนระยอง... “ฮิสั้น!...” ต้องนอนขวัญผวา  กับโรคร้ายนา ๆ ที่เข่นฆ่าพี่น้องเรา โดยเฉพาะมะเร็ง มาเป็นอันดับหนึ่ง  พวกนักลงทุน ยังตะแบงว่ามาตรฐานสุดเจ๋ง...ก็ ISO., มอก., อย., ฯลฯ มีเกือบทุกโรงงาน...พร้อมใบรับประกันคุณภาพต่าง ๆ ที่ออกมาจากหน่วยงานของรัฐ มันยังเลวร้ายขนาดนี้ ชาวบ้านต้องอาศัยอำนาจศาลประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ประจานเบื้องหลังผลผลิต  ของการพัฒนาประเทศ...แล้วมันจะคุ้มกันมั้ยนี่ ? กับชีวิตคนท้องถิ่น ทะเลไทย และพื้นที่การเกษตร เราได้แต่ร้องขอว่า “เอาประเทศไทยของเราคืนมา” 
   
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024