ภาพที่ 1
** จดหมายเหตุจากหมู่บ้าน บทรำพึงถึงคนเมือง**
.....เหลือกลับบ้านเท่าไหร่ครับยาย.....
“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ๆ ๆ ๆ “ เสียงไม้เท้าอันเก่ากระทบพื้นถนนดังเป็นระยะๆ
หญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินกระเผลกด้วยอาการสั่นเทาไปเกือบทั้งร่าง กระเป๋าผ้าที่คล้องแขนกวัดแกว่งไปตามจังหวะการย่างโขยกเดินของแก
คนในหมู่บ้านทุกคนรู้ดีว่านอกจากหมากพลูที่เอาไว้แก้เปรี้ยวปากแล้ว ในกระเป๋าของแกใบนั้นยังมีอะไรอยู่ด้วย
ยายมณี...แกเป็นคนไม่ค่อยรู้หนังสือ แกเกิดมานานตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง อายุอานามก็ปาเข้าไปแปดสิบหกปีแล้ว
กิจวัตรของแกก็ดูเหมือนว่าจะยุ่งกว่าทุกคน แกจะออกเดินตระเวนไปทั่วหมู่บ้าน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยแปด-เก้าวัน กว่าจะไปจนครบตามที่แกตั้งใจเอาไว้
และเป้าหมายก็มักเป็นบ้านเดิมๆที่แกเคยไปนั่นแหละ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านที่มีคนอายุมากๆอาศัยอยู่ เมื่อไปถึงแกก็จะนั่งสนทนากับคนสูงวัยด้วยกันจากนั้นก็ควักสิ่งของในกระเป๋าสุดรักของแกออกมา
แล้วก็สนทนากันต่อก่อนที่จะเดินไปบ้านอื่นต่อไป
ถึงแม้ยายมณีแกไม่ค่อยรู้หนังสือ อ่านไม่ค่อยออก เขียนหนังสือไม่ค่อยคล่อง แต่แกชำนาญเรื่องคณิตศาสตร์ หากใครไปถามว่าวันนี้เป็นวันอะไร วันที่เท่าไหร่ กี่ค่ำ เดือนอะไร แกจะตอบอย่างฉะฉาน
แต่ถ้าใครกล้าแหยมไปขอดูกระเป๋าของแกล่ะก็ เจอไม้เท้าลงกระบาลเป็นแน่ เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี
“ ก๊อก ๆ ๆ ๆ “ เสียงไม้เท้ายังคงดังเรื่อยๆ แกเดินผ่านหน้าบ้านผมไปแล้ว จุดหมายของแกในวันนี้อยู่ที่ศาลาประชาคมกลางหมู่บ้าน
วันนี้เป็นวันที่องค์การบริหารส่วนตำบลจะออกมาจ่ายเบี้ยยังชีพให้บรรดาท่านผู้สูงอายุ ซึ่งอีกสักครู่ผมก็จะต้องไปทำหน้าที่ตรงนั้นเช่นกัน
โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของรัฐบาลเริ่มต้นที่คนละ 500 บาท หากอายุมากขึ้นก็เพิ่มอีกตามเกณฑ์ ใครอยากได้มากก็ต้องอยู่ให้นานๆ
ซึ่งคนที่ได้รับมากที่สุดในหมู่บ้านตอนนี้ก็ประมาณเก้าร้อยบาท รวมเบี้ยพิการหูหนวกอีกก็ได้รับพันนิดๆ
เป็นเรื่องปรกติของทุกเดือน ที่เมื่อผู้สูงอายุลงชื่อรับเงินแล้วก็มักจะยังไม่กลับบ้าน แต่กลับมานั่งรวมตัวกันที่ข้างศาลาประชาคมรวมทั้งยายมณีด้วย คุยกันเซ็งแซ่ตามประสาคนสูงวัย
แต่เปล่าหรอก...ท่านไม่ได้คุยเรื่องความเจ็บความไข้อะไรหรอก แต่พวกท่านกำลังจ่ายและรับเบี้ยงวดจากยายมณี.........เฮ้อ.....อีกสิบห้าวันว่ากันใหม่นะยาย
...........ไกลบ้าน..............
แก้ไข 27 มิ.ย. 59, 11:00