ภาพที่ 1เชิญชมครับ
ภาพที่ 2พิมพ์ใหญ่
ภาพที่ 3สรางในสมัยอู่ทองประมาปี พ.ศ.1800ถึง2031
ภาพที่ 4เป็นพระกรุแต่พบในถ้ำก็มีอารามร้างก็มี
ภาพที่ 5พระองค์นี้น่าจะอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทได้ดีและแห้งไม่ชื้นแฉะ
ภาพที่ 6ขยายภาพดูเลยครับ
ภาพที่ 7องค์นี้ปิดทองก่อนลงกรุ แล้วกาลเวลาก็ทำไห้ตะกั่วเกิดสนิม สนิมตะกั่วจะเป็นสีขาวถ้าพระอยู่ในที่แห้งอากาศถ่ายเทดีสนิมตะกั่วจะเป็นสีขาวแบบแน่นๆทั่วองค์พระและสนิมขาวจะไม่หนาเพราะอยู่ในที่แห้งจึงไม่มีกรดหรือด่างมาเร่งปฏิกริยา
ภาพที่ 8เมื่อสนิมตะกั่วทำปฏิกริยากับแผ่นทองบางๆ ที่ปิดองค์พระก็จะทำไห้ทองที่เป็นสีทองข่อยๆเป็นสีน้ำตาลแต่จะเป็นส่วนสูงขององค์พระเช่นพระเกศ จมูก อก ขอบบนแขนขาและฐาน ปฏิกริยาที่เปลี่ยนทองเป็นสีน้ำตาลคือสนิมทองต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆปี
ภาพที่ 9พระองค์นี้เป็นพระสภาพใช้สมบุกสมบันครับ เล่นน้ำทะเลก็หลายครั้ง ลงเล่นน้ำในอ่างอาบน้ำโดนน้ำสบู่เหลวบ่อยมาก ผมไม่ชอบถอดพระเวลาอยู่นอกบ้าน เคยถอดนาฬิกา สร้อยคอพระเครื่อง รอบสุดท้ายเที่ยงคืนแล้วลืม ไม่ได้คืนแม่บ้านบอกไม่เห็น ซวยจริงๆ
ภาพที่ 10ไปเทียวบ้านเมียเคยแกะเอามาส่องกล้องแล้วหล่นดินลูกรัง ญาติเมียขอดูแล้วทำตกดีที่ไม่บุบไม่คดงอ ผมเองยังทำตกเลยพระท่านหนักครับจะจับแรงก็ไม่ได้สนิมสวยๆหลุดติดมือ
ภาพที่ 11พูดถึงสนิมตะกั่วหลุดติดมือก็เกิดจากบริเวณขอบๆที่เป็นเหลี่ยมพระเริ่มจะปริแตกจากข้างในออกมาแต่เนื้อตะกั่วจะไม่แตกนะ จะแตกหลุดก็เฉพาะสนิมขาวสนิมไขเท่านั้นแล้วเมื่อเราส่องดูบริเวณนั้นจะเห็นตะกั่วเป็นสนิมตีนกาผิวตะกั่วจะไม่เลียบมันจะเป็นตะปุ่มตะป่ำเล็กมาก. ถ้าผิวตะกั่วดำเลียบเป็นพระเก๊นะครับ
ภาพที่ 12ไขตะกั่วบางที่เริ่มอมชมพู
ภาพที่ 13บางที่ไขขาวก็อมส้ม
ภาพที่ 14คราบนวนกรุก็ยังมีที่ใต้วงแขนตามซอกเกศ ซอกคอพระ.ซอกฐานพระ
ภาพที่ 15พระท่ากระดานแท้รอยสิ่วตัดจะต้องเว้าตรงกลางระหว่างขอบหน้าพระกับหลังพระ
ภาพที่ 16ภาพที่ 17ภาพที่ 18ไห้ดูองค์ที่พระหัตถ์ซ้ายความคิดผมนะ(ท่านฤาษีคงจะอายุมากแล้วเลยตอก ร่องนิ้วโป้งไม่ถูกที่ท่านเลยตอกใหม่เป็นแยกตัวyเลย)
ภาพที่ 19ภาพที่ 20 แก้ไข 20 มี.ค. 61, 13:01