สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 19 เม.ย. 67
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 2 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 4 - [4 มิ.ย. 64, 13:09] ดู: 1,010 - [19 เม.ย. 67, 04:30] โหวต: 2
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 2
หนุ่มธุดงค์ไพร (707 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
2 มิ.ย. 64, 11:12
1
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 2
ภาพที่ 1
บทที่ 16

ตอนที่ 2       

        “ถ้าเยี่ยงนั้น เจ้าและพวกเจ้า ก็จงปล่อยให้เจ้าสิงห์ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเสียที่นี่ แลพวกเจ้าทั้งหลาย ก็จงหันหลังกลับไปเสีย ก่อนที่จักมิเหลือใคร อยู่รอดแม้นแต่คนเดียว โฮะๆ”ฤาษีชรากล่าวออกมาเสียงเข้มขรึง พลางใช้มือลูบไปตามเครา ช้าๆ พรานเบถึงกับหน้าถอดสี ใจเสียลงไปอีก

          “ในเมื่อท่านจะช่วยพวกข้าแล้ว ก็ขอให้ช่วยพวกข้าด้วยเถอะ สิ่งใดที่ข้าและคนของพวกข้า ได้ล่วงเกินท่าน จะด้วยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี อย่าได้ถือโทษโกรธพวกข้าเลย”พรานเบกล่าวจบ ก็ก้มลงกราบพื้นอย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่ตนเองเคยปฏิบัติมา

          “ก็ได้...ข้าจักช่วยเจ้า แต่มีข้อแม้ ที่เจ้าแลพวกคณะเจ้า จักต้องให้สัจแก่เรา”

          “บอกข้ามาเถอะ ว่าจะให้พวกข้าทำอะไร”

          “ข้าอยากให้เจ้า เลิกการเป็นพรานเสีย เลิกเข่นฆ่าเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะพวกมัน ก็ล้วนแล้วแต่รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น อย่าได้ก่อเวรก่อกรรมต่อไปอีกเลย เว้นเสียแต่ความจำเป็น ที่พวกเจ้า และเจ้า มิอาจเลี่ยงได้ อธิ การป้องกันชีวิตของพวกเจ้าเอง แลอาศัยเป็นแหล่งอาหาร ที่มีความจำเป็นมาถึงขีดสุด ข้าขอเพียงเท่านี้ เจ้าจักทำได้หรือไม่ เพราะพวกสรรพสัตว์ในดงแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบริวารของข้า ยกเว้นแต่พวกสัตว์ร้ายที่มาจากอบายภูมิเท่านั้น ที่ไม่ใช่บริวาร”ฤาษีชราที่มีหนวดเคราสีขาวโพรนกล่าวออกมาด้วยความการุณ

        “ได้ ข้าทำได้ เรื่องล่าสัตว์ ข้าก็ล่ามาเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น ไม่เคยคิดจะล่าเพื่อความสนุก หรือล่ามาเพื่อขายหากำไลอะไรทั้งนั้น ชีวิตพรานป่าแบบข้า ถ้าคิดจะฆ่าสัตว์ ก็ฆ่ามาเพื่อเป็นอาหารประทังชีวิตไปวันๆ แต่คนอื่นข้าไม่รู้ แต่สำหรับข้า ไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน หรือถ้าเป็นคนในกลุ่มของข้า คนใดคนหนึ่ง ข้าจะเป็นคนตักเตือนพวกนั้นเอง”พรานเบกล่าว ขณะนั่งคุกเข่าพนมมืออยู่ที่ทรวงอก

      “ดีมาก... ขอให้เจ้ายึดถือ สัจจะวาจา ที่มีให้แกเราไว้อย่างเคร่งครัด ถ้าหากแม้นทำผิดจากที่กล่าววาจาไว้แก่ข้า ภัยพิบัติ จักเกิดแก่เจ้าและคณะของพวกเจ้าทุกคนไป โฮะๆ”ฤาษีชรา กล่าวจบ ก็หยิบหมากพลูขึ้นมามวนเป็นแท่ง แล้วยกขึ้นใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ แสดงสีหน้าความพอใจ พรานเบได้แต่มองตาปริบๆ ไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรหรือจะสอบถามอะไรอีก เพราะเห็น อากัปกิริยาของฤาษีตนนั้น กำลังเพลิดเพลินกับเครื่องเซ่นต่างๆที่กองอยู่ตรงหน้า ปากก็เคี้ยวหมากไปพลาง ยกบุหรี่ยาเส้นสูบไปพลาง พยักหน้าตัวเอง อยู่หงึกหงัก แสดงความพึงพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

      “มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะเตือน อีกมิช้านานต่อจากนี้ จักมีเหล่าอสูรร้าย ที่พวกเจ้าเรียกมันว่า บ่างผี พว กมันจักแห่แหน กันมารุมล้อมทำร้ายเจ้าแลคณะ จงระวังตนให้จงหนัก อย่าได้ด่วน ผลีผลาม ชะล่าใจ แม้นเช่นนั้น คณะของเจ้าทุกผู้ ทุกตัวไป ก็จะวิบัติ”

      “พรานเบ เจ้าจงเตรียมตัว เตรียมใจไว้ให้พร้อม อีกมิเกินชั่วยามนี้ อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด ไม่เกินรุ่งอรุณ พว กมันจักถอยทับผละไปเอง”

        “มา...เข้ามา ขยับมาใกล้ๆข้า ข้าจะมอบของบางอย่างให้แก่เจ้า”ฤาษีชราบอกออกมาเสียงเนิบๆแหบพร่า แต่แสดงถึงมิตรไมตรีจิต ไม่มีวี่แววว่า จะส่อในทางเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้น เมื่อฤาษีชราตนนั้น กล่าวจบ ก็ค่อยๆคายชานหมากออกมากองไว้บนฝ่ามือ จากนั้นก็หลับตา ทำปากขมุบขมิบ  ท่องคาถาออกมา แต่ไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้ถูก ว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินเป็นภาษาอะไร เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ลืมตา แล้วเป่าลมพรวดลงไปบนกองชานหมากที่อยู่บนฝ่ามือนั้นสามครั้ง

      “รับมันไว้ นี่คือยาวิเศษ ไม่ว่าคมเขี้ยวของสัตว์ร้ายมีพิษชนิดใดบนโลกนี้ หรืออสุรกายตนใด ยาของข้าที่มอบให้เจ้านี้ ก็จักสามารถรักษาพิษนั้น ให้กลับหายเป็นปกติได้ แต่ก่อนที่จักใช้มัน เจ้าจงระลึกถึงข้าไว้ ตัวยาถึงจะมีผลครบอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากแม้นพวกเจ้าได้กลับออกไปสู่โลกภายนอกแล้ว ตัวยาวิเศษนี้ ก็จักสูญสลายไปเอง”ฤาษีพรหมโลก กล่าวออกมา พลางยื่นมือที่ถือชานหมากนั้นไปตรงหน้าของพรานเบ พรานนำทางค่อยๆรับมาประคองไว้ด้วยมืออันสั่นเทา แต่เมื่อได้เห็นใกล้ๆ ชานหมากที่ครั้งแรกเขาเห็นมันเป็นกองขุยสีคล้ำ มาตอนนี้กลับกลายมาเป็นรูปทรงกลม ขนาดเท่าลูกมะขามป้อม จำนวนสามลูก พรานเบได้แต่นิ่งจังงัง ละคนมึนงง กับภาพที่ตัวเองเห็นต่อหน้า ตาก็จับจ้องวัดถุหรือยาวิเศษบนมือ สลับกับมองไปที่ฤาษีตนนั้นไปมา

        “แลจงจำไว้ให้ขึ้นใจ จงใช้ยาวิเศษนี้ ในคราวจำเป็นเท่านั้น จงใช้มันให้คุ้มค่า อย่าให้มันต้องสูญเปล่าไป โฮะๆๆ”ฤาษีผู้มอบยาวิเศษให้บนฝ่ามือของพรานนำทางกล่าว พลางหัวเราะก้อง จบประโยค ฤาษีตนนั้นก็คว้าจอกไม้ไผ่ ที่บรรจุเหล้าป่าขึ้นจ่อบริเวณจมูก พลางส่ายสูดดมกลิ่นไปมา อึดใจก็ยกจอกที่บรรจุเหล้าป่าจอกนั้นขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

        “มีอีกเรื่อง....ข้าฝากขอบใจตาพรานเฒ่าคนนั้นด้วยนะ พ่อพราน ข้าขอขอบใจ ที่ทำหมากพลูมาให้ข้า ยาเส้นยาฉุนนี่ก็ดีนัก เหล้าป่าก็ร้อนแรงชื่นใจเยี่ยงนัก ข้าวปลาอาหารก็รสเลิศ”กล่าวจบ ฤาษีตนนั้น ก็ยกเหล้าป่าที่อยู่ในจอกอีกโฮก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ฤาษีตนนั้น ได้ยกเหล้าขึ้นดื่มไปหมดจอกแล้ว แต่เป็นที่น่าแปลกใจของพรานเบ เพราะดูเหมือนว่า ไม่ว่าฤาษีตนนั้นจะดื่ม หรือบริโภคอาหารเหล่านั้นเข้าไปมากเท่าไหร่ อาหารและเครื่องเซ่นทั้งหลายแหล่ ก็ดูเหมื่อนว่า จะไม่พร่องลงเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่พรานเบ เฝ้ามองอยู่ด้วยความแปลกใจอยู่นั้นเอง ฤาษีตนนั้นก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า

          “เจ้าไปทำกิจของเจ้าเถิด มิต้องมาคอยเฝ้ามองเราอยู่เยี่ยงนี้ โน่น ไอ้พว กบ่างผี พวกมันพากันแห่ เข้ามากันแล้ว รีบไปเสียเถิด โฮะๆๆ”สิ้นเสียงของฤาษีที่มีนามว่า พรหมโลก ร่างนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ราวกับหมอกควันจางๆ พรานเบได้แต่จ้องตะลึง ตาเบิกโพลง สับสนต่อเหตุการณ์ที่เห็น เพราะตลอดทั้งชีวิตพรานไพรของแก ไม่เคยพบ หรือเคยเห็นเรื่องราวลี้ลับอะไรแบบนี้มาก่อน

          “พอข้าลืมตาตื่นขึ้นมา ข้าก็เห็นบ่างผีลงพวกนั้นพอดี ทีแรกข้าก็คิดว่าตาข้าฝาดไป พอขยับจะไปปลุกไอ้พรที่นอนอยู่ข้างๆ ข้าก็เห็นไอ้บ่างห่ าลงตัวนั้นพอดี ไอ้ตัวที่ทำท่าว่าจะร่อนลงมาหาแกแหละตาโส่ย”พรานผู้เล่าเรื่องราวลี้ลับ ที่ตนเองประสบมา ให้คณะได้รับฟังจบก็ยกบุหรี่ยาเส้นขึ้นสูบ สายตาก็สอดส่องมองออกไปรอบๆทิศทาง ซึ่งตอนนี้ บรรยากาศก็เริ่มมองเห็นทัศนียภาพได้รอบด้าน ละอองหมอกที่เคยลงอยู่หนาทึบ เมื่อช่วงแรก มาตอนนี้ก็เริ่มจางลงไปทุกขณะ เพราะแสงสว่าง จากดวงอาทิตย์ เริ่มทอแสงสีทองอ่อนๆเข้ามา

          “เฮี้ยนจริงๆ ป่าแถวนี้”

        “ข้าว่า พวกมันคงไม่ออกมาแล้วแหละ เตรียมเก็บของ จัดเสบียง แล้วออกเดินทางกันต่อดีกว่า ส่วนไอ้ซากเวรพวกนั้น”พรานเบร้องบอกคณะ พลางบุ้ยปากไปที่ซากของค้างคาวหรือบ่างผี ที่นอนตายแยกเขี้ยวแหงชวนให้สยอง

        “ไอ้พุ่ม ไอ้เคิ้ง แล้วก็ เอ็ง ไอ้เหน๋อ ช่วยกันสุมไฟเข้า แล้วช่วยกันเอาไอ้ผีตายซาก พวกนั้นไปเผาให้หมด อย่าให้เหลือ ข้าเห็นแล้วกินข้าวไม่ลง”

        “ส่วนที่เหลือช่วยกันเก็บของ พอกินข้าวเช้าเสร็จ พวกเราจะออกเดินทางกันทันที เวลามันไม่คอยท่า ยิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ไอ้สิงห์ ก็น่าเป็นห่วงมากขึ้นเท่านั้น รีบกันก่อน ที่อะไรๆมันจะสายเกินไป”พรานนำทางร้องบอกคณะ ซึ่งทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่มีคนใดแสดงท่าทาง หรืออาการเกี่ยงงอน กับคำสั่งของพรานนำทาง ที่ประกาศออกไป เด็กหนุ่มทั้งสองและเจ้าเหน๋อ ต่างช่วยกันลากฟืน เข้าไปสุมไฟ ในกองไฟที่อยู่ตำแหน่งเดิม เพียงไม่นาน กองไฟกองใหญ่ก็ถูกจุดสุมขึ้นมาอย่างง่ายดาย เปลวไฟสว่างจ้าร้อนแรง เสียงฟืนประทุไหม้อยู่ในกอง ดัง เปรี๊ยะ ส่งควันและเปลวไฟกรุ่น ซากของบ่างผี ที่นอนตายแยกเขี้ยว บางร่างก็แหลกเละ เหลือแต่หนังคลุกฝุ่น กะรุ่งกะริ่ง บางร่างก็ขาดแหวกออกจากกัน เศษลำไส้ และเครื่องใน มองเห็นอยู่กระจัดกระจาย ตามพื้นดิน และโขดหิน เลือดสีแดงคล้ำ มาตอนนี้ก็เริ่มแห้งกรัง บางส่วนมีมดและแมลงขึ้นไต่ตอมอยู่ดำมืด ทั้งหมดถูกโยนเข้าไปเผาทำลาย กลิ่นไหม้จากเศษเนื้อและเศษขน เหม็นตลบ อบอวน จนแทบจะทนไม่ไหว แต่ทั้งหมดก็ต้องฝืนทำงานกันต่อไป เจ้าเหน๋อถึงกับโก่งคออ้วกออกมา เพราะไม่อาจ ทนทาน ต่อกลิ่นอันชวนคลื่นเหียน ในขณะที่ทุกคนกำลังสาละวนอยู่กับหน้าที่ของตัวเองอยู่นั้น พรานโส่ย ที่กำลังแบกของ สัมภาระต่างๆอย่าง พะรุงพะรัง เพื่อลำเลียง เตรียมขนย้าย ไปที่แพของแก ก็ต้องร้องลั่น เพราะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ที่แท่นหินรูปฤาษีนั้น

          “เฮ้ย!!”

          “ทุกคน มาดูอะไรที่นี่เร็ว”พรานโส่ยร้องบอกคณะ ด้วยอาการตื่นเต้นละคนตกใจ กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า สมาชิกที่กระจัดกระจายกันทำงานของตัวเองอยู่ ต่างวิ่งกรูกันไปที่พรานเฒ่า ยกเว้นเจ้าเหน๋อที่ทำท่าจะหมดแรง นั่งหน้าเหลืองอยู่ข้างกองอ้วกของตัวเอง เมื่อคนที่เหลือมาถึง แล้วมองไปยังตำแหน่ง ที่พรานชราชี้มือบอก ทุกคนก็แทบจะอุทานพร้อมกันว่า

        “ยาวิเศษ!”

          “ยาของพระฤาษี ดูนั่น ชานหมากทำไมถึงเป็นก้อนกลมๆได้แบบนั้น ตามที่น้าเบบอกไว้เลยไม่มีผิด”เสียงใครคนใดคนหนึ่งโพล่งออกมา พลางชี้โบ๊ชี้เบ๊ ไปที่ก้อนชานหมาก ที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม เหมือนยาลูกกลอน ขนาดของมันใหญ่ไม่เกินลูกมะขามป้อม ซึ่งตอนนี้ถูกวางกองกันอยู่ บนใบไม้ ที่แต่เดิมเคยถูกใช้รองรับชุดหมากพลู ยาฉุน และบุหรี่ยาเส้น ที่พรานโส่ยทำเป็นเครื่องเซ่นบูชา เมื่อช่วงก่อนค่ำ ของเมื่อวันก่อน มาตอนนี้ชุดหมากพลูที่ว่า ได้อันตรธานไปเสียแล้ว เหลือไว้แต่เพียงสำรับกับข้าวในกระทงใบไม้ ซึ่งตอนนี้มีมดและแมลงไต่ตอมอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนอัศจรรย์ใจมากที่สุดคือ ชานหมากที่เหมือนถูกใครปั้นเป็นก้อนกลมๆอยู่นี้ มันมาปรากฏอยู่ได้อย่างไร

          “ไอ้เบ เอ็งรีบเก็บขึ้นมาเร็ว พระฤาษีท่านเขาเป็นคนมอบให้เอ็ง มีเอ็งเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สมควรจะเก็บมันขึ้นมา เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ จนอายุแก่มาจนปูนนี้ ข้าก็เพิ่งจะเจอดี ก็มาวันนี้เนี๊ยแหละ  โอ้ย ผีสาง เทวดา ช่วยพวกลูกช้างด้วย”พรานโส่ยพูดพลาง พนมมือกราบไหว้ไปรอบๆทิศทาง ทำให้คนอื่นๆ รีบปฏิบัติตามแก ไม่เว้นแม้แต่พรานเบ ที่ยืนอึ้งกับภาพที่เห็น ตัวของพรานนำทางเอง ก็แทบจะไม่เชื่อสายตา ว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่นี้ มันจะตรงและเป็นไปตามที่ฝันไป ลูกกลมๆที่ทำจากชานหมาก ทั้งสามลูก ตามที่ฤาษีตนนั้นที่บอกไว้ ว่าขอมอบให้เขา นำไปใช้ในยามจำเป็น หรือจะเรียกว่า ยาวิเศษนั้น มันจะมีอยู่จริง จะว่ามีคนในคณะแกล้งทำขึ้นมาหลอกเล่น ก็เห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ที่ผ่านมา มันร้ายแรงนัก คงไม่มีใครคิดอุตริ เล่นพิเรนทร์ ในเวลาเช่นนี้

          พรานเบ ก้มลงกราบพื้น บริเวณหน้าแท่นหิน ที่ประดิษฐานก้อนหินรูปฤาษีนั้น จากนั้นก็ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบ ก้อนชานหมาก หรือ ยาวิเศษ ที่กองอยู่ตรงหน้า มือของพรานนำทางถึงกับสั่น เพราะความตื่นเต้น พรานนำทางก็ยกขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ ท่ามกลาง การมุงดูของสมาชิกที่รายล้อม ลักษณะของมัน แทบจะเรียกได้ว่า กลมเกลี้ยงราวกับลูกแก้ว ผิดแต่ว่ามันถูกปั้นหรือถูกคลึง จนเป็นก้อนกลมเสมอกัน ไม่มีส่วนใดบิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย แต่ละก้อนที่เห็น มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลคล้ำ เจือไปกับสีแดงอ่อนๆของปูนแดง ซึ่งแต่ละก้อนก็พอที่จะสังเกตุเห็น เศษของใบพลู และยาฉุนบ้างเล็กน้อย หลังจากพิจารณากันอยู่ชั่วครู่ พรานนำทางก็ค้นอะไรบางอยู่ ที่เก็บอยู่ไว้ในย่ามหลัง อึดใจก็คว้ากระปุกหรือกระอับสังกะสีเก่าๆ ลักษณะทรงกระบอกเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกินสามนิ้ว สูงอย่างมากไม่เกินสองนิ้ว ข้างในบรรจุ ยาสามัญประจำบ้าน ที่มีอยู่ติดตัวชนิดต่างๆ  ทั้งหมดอยู่ในซองพลาสติกกันน้ำอีกชั้นหนึ่ง มีทั้งยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ชนิดผงคาร์บอล    พลาสเตอร์ปิดแผล สำลีฆ่าเชื้อ รวมถึงยาทาฆ่าเชื้อ ชนิดแอลกอฮอล์ขวดเล็กๆ ซึ่ง สิงห์เป็นคนแบ่งและแจกจ่ายให้กับทุกๆคน ก่อนที่จะออกเดินทาง พรานเบหยิบเอาซองพลาสติกใส่ยาขึ้นมาซองหนึ่ง ซึ่งภายในซอง บรรจุยาบางชนิดอยู่ในแผงฟรอยอลูมิเนียม พรานเบนำยาแผงนั้นออกมาจากซองพลาสติก แล้วบรรจงสอดยาวิเศษลักษณะเป็นก้อนยาลูกกลอนนั้นเข้าไปแทนที่หมดทั้งสามก้อน ก่อนที่จะปิดฝา พรานนำทางยกกระอับยาเก่าๆ ขึ้นจรดหัว พลางระลึกถึงฤาษีตนนั้น จากนั้นก็ปิดฝากระอับแล้วเก็บลงย่ามหลังของแก

          “แบบนี้ เห็นทีจะมีหวังแล้วพวกเรา”

          “ร้อยทั้งร้อย ข้าว่า ไอ้สิงห์รอดแน่นอน”พรานพรโพล่งออกมาด้วยความยินดี เจ้าพุ่ม เจ้าเคิ้ง พากันกระโดดโลดเต้นออกมาด้วยความยินดี พรานแปะถึงกับโผเข้าไปเขย่าแขนของพรานนำทาง พร้อมกล่าวออกมาว่า

          “ให้มันได้แบบนี้สิอาจารย์”

          “ไม่เสียแรง ที่ฉันขอมาเป็นลูกศิษย์ ต่อให้ออกไปสุดหล้าฟ้าเขียว หรือนรกที่ไหน ฉันก็ไม่กลัวแล้ว มีน้าเบอยู่ไหน ฉันก็อยู่ด้วย”พรานแปะ กล่าวออกมาหนักแน่น คนอื่นๆก็พากันเฮตะโล เกาะกลุ่มกันอยู่ที่พรานเบไม่ห่าง ส่วนพรานโส่ยหลังจากได้เห็นยาวิเศษมาเป็นบุญตาของแกแล้ว แกก็ปลีกตัวไปที่แท่นหินรูปฤาษี ก้มกราบแท่นหินประหลาดนั้นอยู่ปะหลกปะหลก ปากก็พร่ำบอกว่า

        “ถ้าอยากได้อะไรอีก ก็มาเข้าฝันบอกลูกช้างด้วยเถอะ”

        “จะเอาหมากพลู ยาเส้น ยาฉุน บุหรี่ใบตอง หรือเหล้าโรงอะไร ก็ขอให้บอกไม่ต้องเกรงใจ ลูกช้างจะเอามาเซ่นถวายอีก ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เลย พ่อปู่ฤาษีนี่”กล่าวจบแกก็ก้มลงกราบ แต่ไม่ทันที่พรานชราจะเงยหน้าขึ้น แกก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีเสียงไอโขลกๆเหมือนคนแก่แว่วเข้ามา จากทางด้านหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งของแท่นหินฤาษี พรานโส่นถึงกับตัวแข็ง เกิดอาการกลัว ไม่กล้าที่จะเงยหน้าออกมาพิสูจน์

          “แคร๊กๆ”

          “ยา...ขอยาหอมหน่อย ตาโส่ย”เสียงแหบพร่า ร้องออกมาแผ่วๆ พรานโส่ยที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ กลัวอย่างลนลาน ปากก็ร้องบอกไปเสียงสั่นๆว่า

        “ฮะ..ฮ้า..”

        “พ่อปู่ฤาษี พุดกะฉันด้วยรึนี่ โอ้ย..ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ลูกช้างกลัวแล้ว”พรานโส่ยสำลักออกมาแทบไม่เป็นภาษา

        “เร็ว...แคร๊กๆ”

        “บอกว่าขอยาหอมหน่อย ไม่ได้ยินรึไง เร็วๆ”เสียงแหบพร่า ร้องเร่งเข้ามาเสียงดุๆ พรานชราถึงกับสะดุ้ง รีบก้มหน้าก้มตา ควานหาขวดยาหอมที่แกใส่ไว้ในย่ามส่วนตัวของแกที่สะพายอยู่ เมื่อค้นเจอแล้วก็ประคองส่งให้ แต่ก็ก้มหน้าไม่กล้ามองด้วยอาการนอบน้อม

      “ขอ..ระ..รับ”

      “นะ..นี่..ขอรับ ยะ ยา..ยาหอมที่พ่อปู่ท่านต้องการ”พรานโส่ยบอกเสียงสั่น พลางยื่นขวดยาหอมของแกส่งไปเบื้องหน้า อึดใจขวดยาหอมก็เหมือน มีอาการถูกกระชากออกไปจากมือของแกโดยไว พรานเฒ่ารีบหดมือของแกลงทันทีด้วยอาการหวาดเสียว

      “นะ..น้ำด้วย”

      “ตะ..ตาโส่ย มีติดมาด้วยสักหน่อยมั๊ย เอามาให้ฉันสักแก้วเถอะ”จบประโยคอันแหบพร่า ก็มีเสียง โอ๊ก อ๊าก คล้ายคนกำลังโก่งคออ้วกอยู่ข้างๆ ด้วยความแปลกใจ บวกกับความกล้าของพรานเฒ่า ที่เริ่มจะมีขึ้นมาบ้าง แกจึงค่อยๆ รวบรวมความกล้า เงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้แกถึงกับตกใจร้อง เฮ้ว ขึ้นมาสุดเสียง ผงะหลังหงายท้องผลึ่ง หัวใจแทบวาย เพราะใบหน้าอันเหลืองซีดของเจ้าเหน๋อ ยื่นหน้าเข้ามาจ่อ ห่างจากแกไม่ถึงศอก แขนข้างหนึ่งยันพื้น อีกข้างก่ายเกยอยู่กับแท่นหินรูปฤาษี ไม่รู้ว่ามันแอบคลานมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

        “ไอ้ฉิบหา ย!”

        “กูก็คิดว่าพ่อปู่ฤาษีเล่นกูให้เข้าแล้ว โถ่ ไอ้เว ร”พรานโส่ย ตวาดแหว หลังจากตั้งหลักขึ้นมาได้ แกก็สับมะเหงก ลงไปบนกลางกบาล ของเจ้าเหน๋อ ดัง โป๊ก เหน๋อคราง อู้ ใช้มือลูบหัวไปมาหยอยๆ อาการของเหน๋อและพรานโส่ย ทำให้ทุกคนในคณะพากันหัวเราะ

          เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ยาวิเศษที่ได้รับ จะศักดิ์สิทธิ์ โปรดติดตามในตอนต่อไป

                ผิดพลาด หรือตกหล่นประการใด ผมหนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024