สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 19 เม.ย. 67
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 25 - [29 เม.ย. 57, 12:31] ดู: 6,982 - [19 เม.ย. 67, 13:12] โหวต: 10
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
5ดาว (163 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
1 ธ.ค. 53, 22:28
1
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 1
          'คนยังไม่ถือกำเนิด  ฟ้าก็ลิขิตชะตาไว้'
          ที่เกริ่นคำพังเพยจีนนี้ขึ้นต้นก็เพราะรำลึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ไปสำรวจหมายกระสูบที่แก่งน้ำงึม
เมื่อปลายปี  48  แล้วเกิดอุบัติเหตุเรือล่ม  เขาเสียชีวิตพร้อมพวกสองคน  ส่วนอีกคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นกลับรอดตายราวปาฏิหาริย์
เรื่องที่เกิดขึ้นมันสอดคล้องกับคำพังเพยที่ผมกล่าวข้างต้น  แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 
แต่เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะไปร่วมทำกิจกรรมในที่เกิดเหตุด้วยหรือไม่  จึงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่เองที่ใจย่อมมีความหวั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อย
  แต่กับปลากกระสูบ  ไซ้ส์  4 – 5  กิโลกรัมที่คุณยุทธศาสตร์  สอย  ได้ที่แก่งน้ำงึม 
ก็เป็นแรงจูงใจให้ผมตกปากรับคำคุณอนุรักษ์ที่จะร่วมสัญจรไปลอยเรือล่องแก่งน้ำงึมตามหากระสูบ
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 2
          มันเป็นวันและเดือนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในรอบปี  ผมโขยกเจ้าโฟร์วีลออกจากสุรินทร์ราว  1  ทุม
แวะอำเภอศีขรภูมิรับเพื่อนอีก  4  คนที่ร่วมทัวร์ประเทศลาวเมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 
สารถีผลัดกัน  2 – 3  ไม้  เราก็ถึงหนองคายก่อนฟ้าสาง
          คุณยุทธศาสตร์  รอรับพวกเราที่ด่านหนองคายตั้งแต่  7  โมงเช้า  แต่  9  โมงกว่าพวกเราถึงผ่านด่านลาวได้
  สาเหตุที่ล่าช้าก็อยู่ที่ผมคนเดียวทำ Passport หาย  เลยต้องเสียเวลาทำใบผ่านแดนชั่วคราวเข้าลาว
          ไม่ถึง  20  กิโลเมตร  จากด่านลาวเราก็ถึงบริษัทจอยสปอร์ตของคุณยุทธศาสตร์
ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจำหน่ายเรือคายัคอยู่ในเมืองเวียงจันทน์  เราเสียเวลาเตรียมสัมภาระใหม่
ไม่ว่าจะเป็นของใช้ส่วนตัว  อาหารการกิน  รวมทั้งอุปกรณ์ตกปลา  คันเบ็ด
เมื่อแพ็คใส่เป้แล้วต้องประเมินว่าตนเองสามารถแบกเป้ไปได้  พร้อมกับตีปลาด้วย
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 3
          11 : 00  น.  รถปาเจโรได้ฤกษ์เคลื่อนตัวออกจากบริษัทโดยคุณยุทธศาสตร์
แวะรับเพื่อนอีกคน  คุณปาน  ดวงประเสริฐ  นักร้องดาวรุ่งในประเทศลาว  เขาออกอัลบั้มเพลง “ดวงดาวดวงใจ”
และ “ทางแห่งฝัน”  ทั้งสองชุดล้วนฮิตติดตลาด  และชุดที่สามก็ใกล้จะเปิดตัวโดยเขาแต่งเอง  ร้องเอง  มีสตูดิโอของตัวเอง
          138,000  กีบ  (หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันกีบ)  เป็นค่าเฝอมื้อแรกในเมืองเวียงจันทน์
อิ่มแล้วเราก็มุ่งขึ้นเหนือ  แวะชมตลาดริมทางที่หินเหิบซากไก่ฟ้าพญาลอ  หมูป่า  เก้ง
กระรอก  ชะมด  ฯลฯ  วางขายสด ๆ ยั่วน้ำลายนักเปิบ  แต่ทำร้ายจิตใจนักอนุรักษ์
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 4
          บ่ายคล้อยเราถึง  บ้านห้วยชี  หมู่บ้านหน้าด่านปากทางเข้าเขตปกครองพิเศษ
ไชยสมบูรณ์เนื่องจากสะพานข้ามแม่น้ำบ้านห้วยชีชำรุดเราจึงต้องเสียเวลาเกือบชั่วโมง
รอรถแบ็คโฮซ่อมทางข้ามแพขนานยนต์
          เส้นทางจาก  บ้านห้วยชี  ถึง  บ้านกอมิ  ปูด้วยหินแม่น้ำก้อนโต  รถคลานบนถนนขรุขระเลียบไหล่เขา
วกไปวนมากว่าจะถึงบ้านคุณงาม  ที่บ้านกอมิตะวันก็ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว
          “น้ำในแม่น้ำไม่ใส”
          ข่าวจากคุณงามไม่สู้ดีนัก  และสร้างความกังวลใจให้ไม่น้อย  เมื่อนัดแนะกันถึงแผนการล่องแก่งในวันรุ่งขึ้นเรียบร้อย
  เราวิ่งย้อนทางกลับไป  บ้านกิ่งเมืองพูน  ซึ่งห่างจากบ้านกอมิประมาณ 4 - 5  กิโลเมตร
ที่นั่นมีโรงเตี๊ยมครึ่งตึกครึ่งไม้ให้เรานอนค้างแรมได้  เราเปิบอาหารมื้อค่ำชิมฝีมือกุ๊กแม่หญิงเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นเมนูจานเด็ด
พัดเผ็ดหมูป่า ต้มยำ-ฯ มีแต่ของคาวๆเลยต้องล้างล่อลำเลียงเสบียง  ด้วยเขยลาว (เบียร์ลาว) 
พอเม้าท์กันได้ที่ก็ต้องรีบแยกย้ายกันเข้าห้องพัก  ตามกฎของโรงเตี๊ยมเขาจะปิดเครื่องบั่นไฟราว  4  ทุ่ม
ห้องพักของผมอยู่ห้องที่ 5 ติดห้องสุดท้าย  เข้าห้องขวามือของประตูมีห้องน้ำแคบ ๆ แต่ไร้สุขา
เปิดไฟได้ครู่เดียวก็มีแมลงปีกแข็ง 2 – 3 ตัวเล็ดลอดเข้าทางหน้าต่างที่ไม่ติดมุ้งลวดบินเล่นไฟ
ผมรีบกางมุ้งที่แขวนบนเตียงซึ่งนอนได้สองคนบนฟูกที่ยุบเป็นแอ่ง  ขยับเก้าอี้ไม้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ย ๆ
เอามาตั้งพัดลมและดับไฟนอนก่อน  4  ทุ่มเล็กน้อย  แสงไฟจากหน้าห้องลอดผ่านร่องไม้แตกที่บานประตู  2  ร่อง
แยงตาจนต้องนอนหันหลัง  อากาศในหุบเขาเย็นสบาย  แต่ผ้าห่มที่มีอยู่ก็ห่มไม่สนิทใจ
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 5
          เช้ามืดเมื่อไก่บ้านตัวแรกขัน  หางเครื่องอีกหลายตัวก็ขันรับกันเป็นทอด ๆ ฟ้าสาง
ผมลุกไปยิงกระต่ายหลังโรงเตี๊ยม มีคอกหมูกรุปีกไม้กั้นติดห้องสุขา
ชะโงกดูก็ต้องขำกับภาพของลูกหมูกระโดนสิบกว่าตัวนอนสุมทับกันเหมือนกองฟืน
          บ้านกิ่งเมืองพูน  ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา  รายล้อมด้วยสายน้ำและสายหมอก 
มีโรงเรียน  โรงสุขศาลา(สถานีอนามัย)  แม่หญิงเจ้าของโรงเตี๊ยมระบายความในใจให้ฟังด้วยความขมขื่น 
เพียงอีก  2 – 3  ปีเมื่อเขื่อนน้ำงึม  2  สร้างเสร็จ  น้ำมหาศาลจะท่วมโรงเตี๊ยมสูงถึง  60  เมตร 
เธอต้องทิ้งโรงเตี๊ยมไปหาที่ทำกินแห่งใหม่  มันเป็นความเศร้าส่วนตัว  เป็นทางเบี่ยงของชีวิต
จะเรียกว่า  เคราะห์  หรือ  ดวง  หรือ  โชคชะตาก็ได้  ซึ่งบ่อยครั้งที่เราโยนความล้มเหลว
ในชีวิตให้กับมันเพื่อที่เราจะได้พ้นผิด  เราได้แต่ภาวนาขอให้เธอพบทำเลใหม่ที่ดีกว่าเก่า
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 6
          ยอดภูหลายยอดในครรลองสายตา  จะจมมิดใต้น้ำขุนเขาสูงเสียดฟ้าจำนวนมากจะกลายเป็นเกาะ
  ภูเขาดินอีกเหลือคณานับจะถูกลบออกจากแผนที่ลาว  มันจะละลายน้ำกลายเป็นโคลนตมชั่วนิรันดร์
และไม่มีวันที่จะตระหง่านขึ้นมาอีก  เมื่อเวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งชั่วอายุคน  แม่น้ำ  สายหมอก  และขุนเขา
ภูมิทัศน์รอบกิ่งเมืองพูนจะไม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของใครอีกต่อไป
  ผมเดินเก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ ไว้ในช่องที่มันควรอยู่ด้วยความเศร้า  ฝูงวัวพื้นเมืองสิบกว่าตัวเดินฝุ่นตลบผ่านผมไป
คงหาเล็มหญ้าที่ไหนสักแห่งเป็นกิจวัตรที่มันทำทุกวันและวันพรุ่ง  ไก่บ้านฝูงเล็ก ๆ คุ้ยเขี่ยหาอาหารที่ลานข้างบ้าน
  หมูกระโดนท้องพลุ้ยติดดิน  2 – 3  ตัวง่วนหาอาหารเช้า  ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพบางภาพไว้เตือนความทรงจำส่วนตัว
เราชงกาแฟจากน้ำในกระติกน้ำร้อนที่แม่หญิงเจ้าของโรงเตี๊ยมเตรียมไว้บริการแขก
  แล้วล้างมือในกะละมังที่ตั้งอยู่หน้าร้านก่อนพากันขึ้นรถเดินทางต่อไป  บ้านกอมิ
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 7
          สังเกตเรือหางยาวที่บ้านกอมิ  ประกอบด้วยแผ่นไม้บางหนาราวครึ่งนิ้ว  7  แผ่น
ตีประกอบแคมเรือข้างละ  3  แผ่นอีก  1  แผ่นปิดที่ท้องเรือ  การต่อเรือให้มีน้ำหนักเบาก็เพื่อให้ง่ายต่อการยกเรือผ่านแก่ง
ที่เรือไม่สามารถล่องฝ่าไปได้  สัมภาระทุกอย่างแพ็คอยู่ในถุงกันน้ำ  ส่วนชุดรอกกับกล้องและคนก็แล้วแต่ดวง
          “ถ้าเกิดอะไรขึ้นขอให้ทุกคนช่วยตัวเองให้รอดก่อนแล้วค่อยหาทางช่วยคนอื่น  ห้ามถอดเสื้อชูชีพเด็ดขาด”
เป็นประโยคหนึ่งในหลาย ๆ ประโยค  ที่คุณยุทธศาสตร์กำชับพวกเราก่อนลงเรือ
คุณตู่  ผม  และคุณพิพัฒน์  ลงเรือลำเดียวกัน คุณยุทธศาสตร์กับ  คุณอนุรักษ์
ร่วมหัวจมท้ายอีกลำ  ลำที่สามคุณปานกับคุณวิทวัส
พอเท้าเหยียบท้องเรือ  เรือก็แกว่งเหมือนแปล  นาทีนั้นถึงได้ตระหนักว่าแท้จริงแล้ว
แผ่นไม้ลอยน้ำนี้มันไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรสังหารทรงอานุภาพชนิดหนึ่งที่พร้อมปลิดชีพได้ทุกเมื่อ
  เกิดมาก็เพิ่งประจักษ์กับคำว่า “ให้นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว” ก็คราวนี้แหละ  แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 8
          แม่น้ำงึมไหลเลื้อยเหมือนงูยักษ์ไปตามหุบเขา  ผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า  เมื่อเรือแล่นไกลจากบ้านคน
ขุนเขาแต่ละลูกก็เริ่มเขียวครึ้มเป็นลำดับ  พญาไม้สูงใหญ่ยืนต้นท้าทายมือขุนขวาน  ภูผาสูงจนต้องแหงนมอง
หลังขุนเขายังมีขุนเขาซ้อนกันอีกกี่ลูกนั้นผมไม่อาจรู้ได้  แต่ที่รู้ ๆ ทรัพยากรป่าไม้อภิมหาศาลจะจมอยู่ใต้บาดาล 
สัตว์ป่าที่หนีน้ำขึ้นเขาก็ไม่อาจรอดพ้นความตายเมื่อน้ำเอ่อท่วมยอดเขา  ธรรมชาติงดงามเหนือคำบรรยายผืนนี้
อาจจะต้องใช้เวลาเนรมิตนับร้อยพันปีหรือนานกว่านั้นก็เกินคาดเดา  แต่เพียงชั่วข้ามคืนมันจะอันตรธานหายไปด้วยน้ำมือคน
  วันหนึ่งเมื่อความเจริญรุดหน้าความล้าหลัง  เมื่อนั้นคนก็จะคิดได้ว่าแท้จริงแล้วไม่ว่าวิทยาการทาง
วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าสักเพียงใด  การได้ชื่นชมหรือได้รื่นรมย์กับสิ่งแปลกปลอมที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาก็ไม่อาจเทียบได้
กับธรรมชาติอย่างธรรมชาติ  อย่างไรเสียมนุษย์ก็ยังต้องถวิลหาธรรมชาติอยู่ดี 
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 9
          เราจอดเรือตีปลาตามจุดที่คาดว่าน่าจะมีปลา  คุณยุทธศาสตร์ยืนหัวเรือตีปลาสร้างความหวาดเสียวให้ไม่น้อย
เรือล่องตามน้ำไปได้สองแก่ง  พอแก่งที่สามมีหินโผล่กระจัดกระจายเต็มแม่น้ำ  เราช่วยกันแบกเป้ไปรอที่โขดหินชั้นล่าง
นายท้ายเรือถอดเครื่องเรือหางยาวแบกไปไว้แก่งชั้นล่างตรงจุดที่เราจะขึ้นเรือได้ จากนั้นใช้เชือกผูกเรือให้ไหลตามน้ำ
ข้างโขดหินจนถึงน้ำล่างแล้วจึงพากันลงเรือล่องต่อไป  แก่งที่สี่กับที่เก้าก็เหมือนกัน  ส่วนแก่งที่สิบเอ็ด
น้ำบนกับน้ำล่างสูงต่างระดับกันมากกว่า  3  เมตร  แก่งนี้นายท้ายเรือต้องช่วยกันแบกเรือยกผ่านแก่งทางบกซึ่งไม่ง่ายนัก
เนื่องจากสองฝั่งแม่น้ำล้วนเป็นหินก้อนใหญ่กองทับถมกันตลอดแนว
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 10
          กว่าพวกเราจะถึงแค้มป์ที่พัก  ตะวันก็ลอยอยู่เหนือศีรษะแล้ว  แค้มป์พักสร้างแบบเพิงหมาแหงน                                          ใช้เชือกล่ามเรือปล่อยไหลตามน้ำลงแก่งล่าง
ปลูกติดเชิงเขาสูงจากแม่น้ำราว  10  เมตร  ข้าง ๆ แค้มป์มีน้ำซับใสเหมือนน้ำดื่มไหลผ่านท่อไม้ไผ่อย่างไม่ขาดสาย
บริษัท GREEN DISCOVER เจ้าของแค้มป์  สร้างไว้ให้ลูกทัวร์ที่มาล่องแก่ง
ได้พักค้างแรมเลยจากแค้มป์ไม่ไกลมีเกาะกลางน้ำ  สายน้ำถูกแยกเป็นสองสายไหลอ้อมเกาะสองข้าง
ผ่านแก่งหินไปบรรจบกันเป็นสายเดียว  หลังเกาะจึงเปรียบเสมือนอ่างน้ำล้นขนาดใหญ่ที่อ่างนี้แหละ
ที่คุณยุทธศาสตร์สอยปลากระสูบได้หลายตัว
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 11
          คุณยุทธศาสตร์  กับ  คุณปาน  และคุณพิพัฒน์  กับคุณตู่ทั้งสองคู่เกี่ยวก้อยกันไปตีปลาหน้าเขื่อนกั้นน้ำที่กำลังก่อสร้าง
  ทิ้งผมกับคุณอนุรักษ์อยู่เฝ้าแค้มป์  ผมทดลองตีเหยื่อปลอมหลายชนิดอย่างลม ๆ แล้ง ๆ ในสายน้ำที่ไม่ใสจนถึงเวลาเย็น
กลุ่มที่แยกไปหน้าเขื่อนก็กลับมามือเปล่าเหมือนกัน
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 12
          เบื้องบนฝูงนกแก้วส่งเสียงรับกันกลางเวหา  บินข้ามช่องเขากลับรังนอน
  เบื้องล่างพวกเรารวมตัวกันรอบกองไฟก่อนชิงพลบ  อาศัยน้ำเปลี่ยนนิสัยรวมทั้งเขยลาว(เบียร์ลาว)
เป็นตัวประสานความครึกครื้นสนุกสนานในวงสนทนาจนดึก  น่าแปลกที่ป่านี้ไม่มียุง
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 13
          ก่อนอรุณรุ่ง  คุณยุทธศาสตร์  คุณปาน  และคุณพิพัฒน์  พวกเขาแอบดอดออกจากแค้มป์ก่อนไก่ขัน
และอีกครั้งที่พากันกลับมือเปล่า  แต่แอบซื้อปลาแค้ที่ติดเบ็ดราวของคนหาปลามาสองตัว
เช้านี้น้ำในแม่น้ำขุ่นแดงเข้มข้นดุจน้ำกาแฟ
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 14
          ขากลับเรือแล่นย้อนแก่ง  ลำบากตรงที่ต้องดึงเรือทวนน้ำย้อนแก่งขึ้นน้ำบน                                        ช่วยกันดึงเรือย้อนแก่งขึ้นน้ำบน
ก่อนเพลเราถึง  บ้านกอมิ  พวกเราต้องกลับเวียงจันทน์ ผมต้องไปต่ออายุใบผ่านแดนชั่วคราว
รุ่งขึ้นจึงวิ่งย้อนทางเก่าไปหลวงพระบาง
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 15
          จากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางรถไม่อาจทำความเร็วได้เนื่องจากถนนแคบและยิ่งเมื่อผ่าน  ผาหินตั้ง                                        ผาหินตั้ง
ไปแล้วเส้นทางก็เริ่มขึ้นเขา  มีแต่โค้งกับโค้งและโค้ง  ระยะทาง  150  กิโลเมตร
รถวิ่งเกาะขอบเหวตลอดจนถึงเชียงเงิน  ผมลองนับโค้งคร่าว ๆ ประมาณ  6 – 10  โค้งต่อระยะทาง  1  กิโลเมตร
ถัวเฉลี่ยแล้วรถต้องวิ่งเข้าโค้งไม่ต่ำกว่า  1,000  โค้ง  ต้องสารภาพว่าเสียวหัวเข่าทุกครั้งที่รถตีโค้งเลาะขอบเหว
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 16
          เราพักที่บังกะโลริมแม่น้ำคาน คุณยุทธศาสตร์  พาท่องราตรีปล่อยหนุ่มปล่อยแก่ตามประสานคนมีหนวด                                          ภูนมสาว
  ส่วนคุณปานบินลัดฟ้าข้าม 1,000  โค้งมาสมทบกับพวกเราที่เธค  ซึ่งบรรยากาศภายในเธคทำให้หวนรำลึก
ถึงบาร์ในอดีตสมัยวัยรุ่นเมื่อเกือบ  30  ปีที่แล้ว  มันน่าเจ็บใจที่แต่ละคนต่างทำเสียดุลการค้าต่างชาติอย่างไม่น่าให้อภัย
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 17
          วันนี้เรามีเวลาไม่กี่ชั่วโมงในการตามหากระสูบ  จึงต้องช่วงชิงเวลาตั้งแต่เช้ามืด
ไม่ถึง  80  กิโลเมตรจาก  หลวงพระบางเราก็ถึง  แม่น้ำอูน้ำในแม่น้ำใสและไหลแรง
ขณะที่ประกอบคันเบ็ดอยู่เสียงไก่ป่าดังมาจากตีนเขาเหมือนสวัสดีกับพวกเรา
  แต่ละคนต่างถือคันเบ็ดลัดเลาะริมแม่น้ำผ่านหุบเขาไปเรื่อย  ตรงไหนมีแก่งตรงนั้นมีคนดักจับปลา
  นักแสวงโชคร่อนหาทองก็มีให้เห็นทั้งสองฝั่งแม่น้ำ  ตกบ่ายเราย้ายหมายไปตกปลายางที่แม่น้ำโขง
ห่างจากหลวงพระบางประมาณ  15  กิโลเมตร  ได้ปลายางไม่กี่ตัวด้วยมีเวลาน้อย
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 18
          เราเก็บเกี่ยวบรรยากาศบนถนนมรดกโลกที่หลวงพระบางในยามค่ำคืน
ก่อนผมขอแยกตัวไปพักผ่อน  นึกถึงวันพรุ่งนี้รถต้องวิ่งย้อนรอยผจญโค้งอีกกว่า  1,000  โค้ง
ใช้เวลาเกือบทั้งวัน  แล้วก็ต้องถอนใจขอปลีกตัวไปหลับให้สบายสะสมพลังเอาไว้กันมึนในวันพรุ่งนี้ดีกว่านะเพื่อน
คงไม่ว่ากัน
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 19
มิตรภาพไทย-ลาว
5.....5.....เมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ 1.....5.....5
ภาพที่ 20
บนถนนมรดกโลก
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024