สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 4 พ.ค. 67
ตามล่าปลาทรายแดง(2) : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 1 - [28 ก.ค. 53, 15:54] ดู: 4,809 - [3 พ.ค. 67, 16:09]
ตามล่าปลาทรายแดง(2)
ป.ประจิณ (232 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
13 ก.ค. 47, 15:05
1
ตามล่าปลาทรายแดง(2)
ภาพที่ 1
                               

    บรรยากาศยามเช้าโดยรอบเหมือนมีม่านกั้น หมอกสีขาวเคล้าเคลียยอดสูงต่ำของภูเขาบนฝั่งบางเสร่ ดูนุ่มนวลสบายตา กลิ่นไอเค็มผสมดอกไม้ป่าบนฝั่งหอมสดชื่นกว่าเมื่อคืนช่วงผ่านพัทยา  ฝูงลิงข้างเกาะเกล็ดแก้วกระโดดโลดเต้นออกมาวิ่งหาจับปูกินที่โขดหินริมชายหาด ลูกลิงตัวเล็กดูน่ารักและซุกซน บางตัวกอดติดอกแม่ไม่ยอมห่าง น้ำขึ้นใกล้จะเต็มฝั่ง เรือสีขาวสงบนิ่งตัดกับพื้นน้ำสีคราม แมกไม้บนยอดเนินกิ่งก้านแลโกร๋นลง เตรียมตัวรักษาต้นต้อนรับลมหนาวแรกของปีนี้ที่มาเยือน
    “ตื่น ๆ ได้แล้วไต๋…จะนอนฝันหาอะไร ได้ปลาสากแค่ตัวเดียว ทำข้าวต้มเสร็จแล้ว กำลังร้อน ๆ”
    ไต๋หมีตื่นขึ้นค่อย ๆ ออกมาจากหน้าเก๋ง จากเสียงปลุกของลุงหมาน ไชโยเดินเก็บแขนไฟข้างเรือเข้าที่เรียบร้อยก็นั่งตกปลาต่อที่ด้านท้าย หวังปลาโฉมงามหัวน้ำเช้าสักตัว
  เหวียนกำลังต้มน้ำร้อนอยู่บนพื้นชั้นสองกลางลำเรือ ที่กั้นเป็นส่านทำครัวเล็ก ๆ  ถัดไปเป็นห้องนอนพอนอนได้สักสามคน มีประตูเลื่อนกั้นส่วนเก๋งของเรือ ดาดฟ้าบนนั่งนอนได้สบาย ด้านล่างเป็นห้องเครื่องขนาด 275 แรงม้า และห้องเครื่องปั่นไฟเล็กแยกออกมา ห้องน้ำอยู่ด้านซ้ายล่าง ยกหลังคาเหนือห้องน้ำเป็นที่นั่งเล่นตอนทำอาหารได้พอดี ถังน้ำจืด น้ำมันขนาด 500 ลิตร วางซ้อนกันใต้พื้นด้านท้ายซึ่งเปิดด้านข้างโล่งตลอด มีแสลงกันแดดด้านบน ตัวเรือยาว 38 ฟุต พอดีสำหรับสี่-ห้าชีวิต ที่จะเริ่มต้นตะลุยออกทะเลลึกในวันนี้
    “ผมขอกาแฟก่อนแล้วกัน เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ “
    “กาแฟดำนะไต๋ น้ำตาลใส่เอาเอง” เหวียนยื่นกาแฟให้
    “คิดถึงข่าวที่ลงเมื่อวาน ทิดหมานได้อ่านรึเปล่า ?”
    “จะเอาเวลาทีไหนมาอ่าน…กว่าจะอ้อนเมียได้ก็สายจนตะวันโด่ง มันจะไม่ยอมให้ผมมา”
    “เรื่องราวที่ลงมันเวียนอยู่ในหัวผมมาตลอดวัน  ตอนตีสามเลยลุกออกมาหรี่ไฟเอาแหทอดปลาหมึกได้อีก20กว่าตัว กะว่าจะชวนย้ายหมายไปตกที่หินกลางร่อง เห็นทุกคนหลับสบายเลยไม่ปลุก  เหยื่อตกปลาคงจะพอ ตัวไหนตายก็เอามาทำกับข้าวก็แล้วกัน จะได้วิ่งยาวลัดกลางอ่าวไปเลย”
    “คงจะเป็นข่าวใหญ่ละซิ ถึงนอนไม่หลับ”ลุงหมานซัก พร้อมกับอัดควันบุหรี่เข้าปอด
    “ก็ทำนองนั้น เรื่องนี้เคยได้ยินมาหลายปีแล้วก็เงียบกันไป หลังถูกชาวบ้าน นักวิชาการ ต่อต้านอย่างหนัก นี่เอาอีกแล้ว ไ-อ้พวกนายทุนข้ามชาติ ไม่รู้ว่าชุดเดิมหรือเปล่า”
      “นายทุนชาติไหนก็เหมือนกัน ทำธุระกิจต้องหวังกำไร หรือคนไทยไม่มี?”
      “มี..แต่นี่มันหากินบนความเชื่อผิด ๆ ของคนที่หลงไปเป็นเหยื่อ ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าจะเป็นความจริง ” ไต๋พูดต่อ
    “ข่าวลงว่า มีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ กำลังพยายามหาช่องทางจะเข้าครอบครองป่าเขตร้อนในประเทศเรา โดยจะให้เงินกับรัฐบาล เพื่อตั้งเป็นกองทุนดูแลรักษาป่า แลกกับผลที่จะได้สิทธิ์ประโยชน์จากการทำวิจัยพืชสมุนไพรไทย พูดง่าย ๆ ผูกขาดป่าเราไปเลยแต่ผู้เดียว”
    “เรายังจะมีป่าให้ผูกขาดอีกหรือ ?”ลุงหมานถาม เมื่อนึกถึงภาพเขาหัวโล้นที่พบเห็นได้ทั่วไป
    “ถึงจะเหลือน้อยต็มที แต่มันมีความหลากหลายทางชีวภาพ-พันธุ์กรรม ที่ป่าเมืองอื่นไม่มีนะอย่าลืม!”
    …ไต๋หมีหวนนึกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทั้งพืช และสัตว์ ที่เคยมีอยู่ตามเทือกเขาสูง ป่าดงดิบ ป่าสัก ป่าเต็ง ป่ารัง ป่าพรุ ป่าเลน แม่น้ำ ลำธาร ทะเล เกาะแก่งต่าง ๆ  ลึกลงไปใต้พื้นน้ำ ในดิน  แร่ธาตุหลายชนิด น้ำมัน แก๊ส ผลไม้ ดอกไม้ป่า ข้าวหอมมะลิ ตลอดจนภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งที่ถูกใช้ไปอย่างไม่รู้คุณค่า เพื่อการส่งออก และที่โดนต่างชาติขโมย ปล้น ฉ้อฉลในรูปของการค้า อ้างโลกาภิวัตน์บังหน้า หรือนำไปจดลิขสิทธิ์เป็นของตนเอง โดยสมคบกับพวกขายชาติที่มีอำนาจ และเห็นแก่ตัวบางคน จนตัวเองร่ำรวย ทิ้งความซวยไว้กับชาวบ้านตาดำ ๆ …
    “ก็ดีนะไต๋  รัฐบาลท่านจน จะได้มีเงินมารักษาป่า ก่อนถูกทำลายไปมากกว่านี้ เมื่อคนของเราไม่มีปัญญาจะดูแล ก็ยกให้ต่างชาติมันไป แล้วมันจะเอาทะเลด้วยหรือเปล่าล่ะ ตอนนี้ก็โทรมพอ ๆ กัน”
  “ก็นี่ละที่ผมเป็นห่วง  ทิดหมานก็รู้ว่าประเทศเราส่งออกอาหารทะเลติดอันดับต้น ๆ ของโลกมานานแล้วด้วยของดีราคาถูกมาก ๆ จนของเหล่านี้ใกล้จะหมดไปจากทะเลไทย แต่ของบ้านมัน ๆ กลับอนุรักษ์ไว้ มีวิธีการบริหาร จัดการอย่างดี”
    “ป่า ปลา อาหารทะเล…เอาที่ไหนมาส่งออก เมื่อก่อนละก็จริง ตอนนี้จะกินจะใช้กันภายในประเทศยังไม่พอ แถมหายาก ที่มีอยู่ก็แสนแพง ชาวบ้านทั่วไปจะมีโอกาสกินรึ?“
    “ก็จริงอยู่ อย่างทิดหมานว่า ปลาที่ส่งออกส่วนมากก็ได้มาจากกองเรือน้ำลึก ที่ลงทุนแบบอุตสาหกรรม ในน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน เขมร เวียดนาม อินโดนีเชีย ตอนนี้เรือเข้าไปจับลำบากมากขึ้น ของก็น้อยลง แต่ปลาของไทยมันมีคุณสมบัติพิเศษ”
    “ไต๋ยิ่งพูด ผมก็ยิ่งมึน บอกมาตรง ๆ ดีกว่าน่า มันจะวิเศษอย่างไร ไ-อ้ปลาทรายแดงหายไปนะผมรู้ ไม่งั้นเราจะตามหากันทำไม? กินข้าวต้มก่อนดีกว่าสายแล้ว จะได้ออกเดินทางต่อ เอ้า ไ-อ้น้องล้อมวง”
      ลุงหมานเรียกเสียงดัง พึมพำกับตัวเอง ไต๋มันหมายความว่าอะไรของมันวะ กินข้าวไปสองคนก็คุยไป อีกสองคนก็นิ่งฟัง
    “ นี่ทิดหมานรู้มั้ย เบื้องหลังข่าวที่รั่วออกมาเขาว่ามันมีสารอยู่ชนิดหนึ่งซึ่งช่วยกระตุ้นฮอร์โมนทางเพศ และเป็นส่วนผสมสำคัญของผลิตภัณฑ์ ไวอากร้า ยาอี ยาเซ็กซ์  รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย ที่หลอกขายคนไทยอยู่ในขณะนี้ ตามสรรพคุณที่โฆษณา มันบอกว่าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของหลอดเลือด ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ซู่ซ่า เตะป๊บได้ทั้งคืน สารตัวนี้ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดอยู่นาน สร้างความร่ำรวยมหาศาลให้กับผู้บริษัทผู้ผลิต โดยเฉพาะต่างชาติ และเป็นนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังนักวิจัยที่เข้ามา”
    “มันก็คงจะเหมือนกับยาโด๊ปของไทยนั่นแหละ ที่เฒ่าหัวงูชอบชูสามนิ้วกันนักว่าแน่ โดยเอาส่วนผสมมาจากสัตว์ เช่น นอแรด ตัวเดียวกันเดียว ดีหมี เลือดงู หูฉลาม ม้าน้ำ หรือพืชสมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่ดองกับเหล้าขาวจำพวก กำแพง7ชั้น ม้ากระตืบโรง โด่ไม่รู้ล้ม กระชายดำ ยังมีอีกมากนับไม่ถ้วน ฟังแค่ชื่อก็คึกคักแล้ว ผมก็กินอยู่ แต่ของจากสัตว์ตอนนี้ก็หายาก ราคาแพงมาก ชาวบ้านจน ๆ จะหาที่ไหนมากิน มีก็แต่พวกเศรษฐี ผมก็ได้แต่อาศัยเหล้ายาดองสมุนไพร เลยได้เมียสาวอีกคนตอนผมหงอกนี่ละวะ..ไต๋..ฮา ฮา เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่” ทุกคนหัวเราะเสียงดัง  เมื่อลุงหมานเล่าถึงการได้เมียคนนี้มา
    “ทิดหมานเข้าใจแล้วนะ เพราะเห็นสรรพคุณกับตัวเอง ที่นี้ไอ้สารตัวที่ว่านี่มันมีอยู่ในลูกกะตาปลาทรายแดงมากที่สุด กุ้ง  ปลาชนิดอื่นก็มีอยู่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย และที่สำคัญต้องเป็นปลาที่จับได้ในเขตน่านน้ำไทยเท่านั้น ถึงจะเป็นของแท้ เกรดเอ “
    “เฮ่ย!เอาอะไรมาพูด ทะเลบ้านเรามันจะมีอะไรดีนักหนา ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นวิกฤต ทั้งมลพิษจากโรงงาน น้ำทิ้งจากบ้านเรือน สารเคมี น้ำมันและกากของเสีย เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ อย่าว่าแต่ปลาเลย คนกับน้ำก็แทบอยู่ร่วมกันไม่ได้แล้ว “
    “นี่พี่หมาน แถวปากน้ำบ้านผมก็เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม น้ำงี้ดำสนิท นึกว่าคลองส่งน้ำมัน พวกทำนา เลี้ยงปลา เลี้งกุ้งพังหมด ทิ้งที่อยู่ที่ทำกินไปเป็นลูกจ้างในโรงงาน ได้ค่าแรงกันอดตายไปวัน ๆ พอมีเงินหน่อยก็ซื้อ รถเครื่อง โทรศัพท์มือถือ ซื้อกันให้เกร่อ เด็กเลี้ยงควายยังมีใช้เลย ตกเย็นก็กินเหล้า ผมทำร้านอาหาร มีคาราโอเกะด้วย เห็นอยู่ทุกคืน” ไชโยพูดเสริม
    “ผมเข้าใจ แต่นักวิจัยมันบอกว่า สารตัวนี้มีอยู่ในพืชสมุนไพรหลายชนิด ในป่าเขาเขตร้อนชื้น ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของประเทศไทย โดยสารชนิดนี้จะละลายผสมมากับน้ำฝนที่ตกในเขตสูงของป่าดงดิบ ไหลลงตามลำธารสู่แม่น้ำสาขา สี่สายหลักออกสู่ปากอ่าวไทยตอนบน ผสมเข้ากับน้ำทะเล ที่เรียกว่าเขตน้ำกร่อย สารจากป่าจะทำให้เกิดแพลงตอนที่ก้นอ่าวอย่างอุดมสมบูรณ์ เหมือนบ่อเพาะพันธุ์ ตามห่วงโซ่อาหาร ปลาวัยอ่อน ที่เกิดแถวป่าชายเลน จะหากินพวกแพลงตอน ลูกเคย เป็นอาหารจนแข็งแรงดี มันก็จะสะสมสารตัวที่ว่าไว้ในลูกกะตา ก่อนออกทะเลลึกเป็นปลาใหญ่ต่อไป “ ไต๋หมีสาธยายให้ทุกคนฟังก่อนจะร่ายต่อ
    “นี่ละ! คือเหตุผลหลักที่ปลาจากอ่าวไทยไม่เหมือนที่ใดในโลก เพราะสารตัวนี้ตัวเดียว ที่ทำให้ปลาทรายแดง และสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ถูกจับขึ้นมามากมาย ทั้งกินกันภายใน ไหนจะส่งออกเพื่อสกัดสารจากลูกตาปลา จวนเจียนจะสูญพันธุ์ อยู่แล้ว” ลุงหมานยิ้ม แล้วพยักหน้า
    “ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าเดาไม่ผิด พอปลาเราจะหมดทะเล พวกนักวิจัยก็จะหาทางเอาสารตัวนี้จากป่าโดยตรง ปลาทรายแดงถึงได้ราคาแพงยังกับทองคำ ตอนผมไปหาข่าวก่อนออกเรือ  คราวนี้แหละยุ่งแน่ ป่านนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วท้องน้ำแล้ว ใครจะรับผิดชอบ?“
    “ใช่เลยทิดหมาน  การล่าแบบล้างผลาญก็จะเกิดขึ้นตามมา และมากยิ่งกว่าเก่า ทั้งทะเลและป่าเขา อิ่มแล้ว เก็บสำรับ เก็บเบ็ดเถอะ ออกเรือกันดีกว่า”

                                                                                   

   
   

   
   



ตามล่าปลาทรายแดง(2)
ภาพที่ 2
                                 
                                    เรือแก้ว

      พอได้ยินเสียงสตาร์ตเครื่อง ไชโยกับเหวียนก็ช่วยกันกว๊านสมอเรือ  ไชโยเป็นนักดนตรี ผอมสูง ไว้ผมยาว ชีวิตวนเวียนอยู่กับแสงสี สุรา นารี มานานก่อนเปิดร้านเล็ก ๆ เป็นของตนเอง แกออกทะเลน้อยครั้งมาก ส่วนเหวียนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง ผิวกร้านดำ พูดน้อย เพราะเกิดมาก็ทำสวนทำไร่อยู่เชิงเขา ว่างจากงานก็หาของป่า ล่าสัตว์ พอได้เป็นอาหาร เมื่อก่อนป่าไม้สมบูรณ์มากจึงรู้จักพืชสมุนไพรหลายชนิด
    ไต๋หมีเองก็เคยไปเที่ยวบ้านไร่ของเหวียนพร้อมกับไชโยกินนอนเที่ยวป่ากันมานานจนรู้ใจสนิทกันดี จึงชวนมาเป็นเพื่อน และทั้งสองคนก็รู้จักกับลุงหมานมาก่อนที่บ้านไต๋หมีตอนออกตกปลาที่ปากอ่าวบางปะกงด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งคู่ฟังแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกนักวิจัยจะมันจะทำอะไรต่อกับป่ากับทะเล
    ขณะเรือแล่นอยู่ในร่องคราม เห็นเกาะอีร้าอยู่ข้างหน้า ลุงหมานก็อยากจะเริ่มค้นหา
    “เราแวะดำน้ำที่เรือแก้วก่อนดีมั้ย? เผื่อจะพบทรายแดงบ้าง”
    “กลัวจะเสียเวลาเปล่าน่ะสิ เมื่อคราวที่แล้วเราก็มากับคุณ อุดมชัย ก็ไล่สำรวจดำหากันตั้งแต่เรือแก้ว เครื่องบินจม ปะการังเทียมซากเรือป๋าจ๋า สันฉลาม ยันหินใหญ่ ต่างวันต่างเวลาก็ไม่เห็นมีวี่แวว เราเองก็ดำหาแถบนี้มาหลายปีแล้ว “
    …ไต๋คิดไปถึงสองสาว ปุ๊ยกับทีน มือกล้องถ่ายภาพใต้น้ำฝีมือเยี่ยมที่มาด้วยกันครั้งก่อน  หล่อนทั้งสองรับว่า จะช่วยถ่ายรูปปลาทรายแดงให้ถ้าพบ…
    “ทิดหมาน ทริปหลังสุด สำรวจปะการังเทียม เราลงดำน้ำกันเกือบ 20 คน สองสาวก็ได้แต่ภาพซากเรือ กองหิน สัตย์ตัวเล็ก ๆ ปะการังอ่อน โครงเรือ เศษอวนเก่า กองหินแนวปะการังที่แตกหัก ปลากระเบนกับเต่าติดอวนตาย ที่สันฉลามก็เต็มไปด้วยดงระเบิด ลูกปืนเก่า เป็นเขตอันตรายมากกับนักดำน้ำ ผมเห็นยังเสียว ๆ อยู่เลย”
    “ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทหารเรือต้องเอาสันฉลามมาเป็นเป้าซ้อมยิงปืนด้วย ในขณะที่ทางการกำลังตรวจจับเรือประมงที่หากินผิดกฏหมาย รวมทั้งพวกระเบิดปลาด้วย รอบ ๆ บริเวณนั้นมีปะการังชายฝั่งที่สวยงามมาก โดยเฉพาะหินใหญ่ ถือเป็นเพชรเม็ดงามของท้องถิ่นที่เพิ่งค้นพบ หรือว่าเป็นเขตทหารจะทำอะไรก็ได้  เฮ้อ..”
    … ลุงหมานรู้สึกหดหู่เมื่อคิดถึงภาพลูกระเบิดที่ถ่ายรูปมา เมื่อก่อนก็มีชาวประมงตายจากการเก็บกู้เพื่อเอาเศษเหล็กไปขายแล้วเกิดระเบิดขึ้นแหลกไปทั้งคนทั้งเรือ จนกลายเป็นตำนานของสามเกลอที่นักตกปลาต้องคารวะด้วยเหล้าสักหนึ่งจอก เมื่อมาตกปลาที่หินกองนี้…
    “แล้วที่หมายซากเครื่องบินตกละทิดหมาน เห็นชอบมาดำน้ำกับครูดี ไต๋นึกบ่อย ๆ เจอะอะไรบ้างละ ?” ไต๋ถามขึ้นเมื่อเห็นลุงหมานเหม่อมองออกไปทางทุ่นไฟปากร่อง ซึ่งไต๋นึกใช้เล็งฉากกับยอดเขาบนฝั่ง เพื่อหาตำแหน่งของหมายเครื่องบินจมถัดออกไปอีกเล็กน้อย
    ขณะทีเรือผ่านหมายนี้หน้าสัตหีบ ซึ่งสันนิฐานกันว่าเป็นเครื่องบินรบของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง บ่างส่วนของซากถูกตัดไปขาย มีเศษอวนปกคลุม น้ำขุ่น เป็นบ้านของฝูงปลาสาก และช่อนทะเล ตอนนี้ครูดีกำลังติดต่อหาข้อมูลจากสถานทูต และที่พิพิธภัณฑ์เครื่องบินของกองทัพอากาศอยู่
    “พูดแล้วขนลุก !น้ำก็ลึก ผมเจอะอาถรรพ์เต็ม ๆ ดำกันมาเกือบสิบไดฟ์พบอยู่สามครั้ง ๆ หลังสุดนี่ไ-อ้เนตรไปด้วย แทบเอาชีวิตกันไม่รอด มันน่ากลัวมาก ผมไม่อยากจะเล่า ครูดีขอร้องไว้ก่อนอย่าเพิ่งเปิดเผย จนกว่า”
    “จนกว่าอะไร”
    “จะต้องทำพิธีตามที่พระและคนทรงท่านบอกก่อนถึงจะสำรวจได้ ถ้าใครไม่เชื่อจะมีอันตรายถึงชีวิต”ลุงหมานเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง  ดูตระหนกกับเรื่องที่พบเจอะ
    “ครูดีเป็นถึงวิศวกรไฟฟ้า แกเชื่อถือเรื่องลึกลับ ไสยาศาสตร์ด้วยหรือ?”
    “จุ๊ จุ๊! อย่าพูดไป เมื่อหลายเดือนก่อนมีพวกดำน้ำตายไป 2 คน อีกคนแทบเป็นบ้าต้องเอาของที่งมได้มาไปถวายวัด เป็นเครื่องสังคโลกจากเรือสำเภาจมลำหนึ่ง แถวเกาะจวง ของพรรนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ดีกว่า ปล่อยให้แกทำไปตามนั้นแหละ พวกเราจะได้ปลอดภัย”
    “ครูดีแกรวยอยู่แล้ว คงไม่ได้ลงไปเพื่อหวังสมบัติโกโบริหรอกนะ ถ้าแกคิดอย่างนั้น ผมไม่เอาด้วย  กลัวไม่ได้เห็นหน้าลูก”
    “ผมก็เหมือนกัน กลัวไม่ได้เห็นเต้า..ฮา ฮา”  สองหนุ่มแอบยิ้มอยู่ใกล้ ๆ
      สายมากแล้วเรือผ่านจากหน้าสัตหีบ ไปช่องแสมสารเพื่อจะแวะลงเสบียง ซ่อมวิทยุเรือก่อนมุ่งหน้าออกทะเลลึกสำรวจหมายกลางอ่าวอีกสองสามวันกว่าจะถึงหมู่เกาะช้าง ตามที่ลุงหมานนัดหมายกับครูดีไว้ โดยครูดีจะขนอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปทางรถยนต์ 
    ไต๋เทียบเรือที่สะพานไม้เก่า ๆ มีเรือตกปลาจอดอยู่หลายลำ หนึ่งในนั้นเป็นของกัปตันเดชา ที่รู้จักกับไต๋หมีเป็นอย่างดี กัปตันเพิ่งกลับมาจากกล่างอ่าว แขกตกปลาสี่ห้าคนกำลังขนของขนปลาขึ้นจากเรือ
    “สวัสดีพี่เดชา ออกไปถึงไหน รวยมั้ยเที่ยวนี้”ไต๋หมีทักทายและคุยกันอยู่นาน ขณะที่ลุงหมานและไชโยขึ้นไปซื้อของในตลาด
    “พอได้อั้งเกยนิดหน่อย ปลาหายากจริง ๆ วิ่งออกไป 40-50 ไมล์ แล้วไต๋หมีจะไปไหนละ อีกสองวันจะถึงงานแข่งขันตกปลาของชมรมเรือช่องแสมสาร ไม่อยู่แข่งก่อนหรือ เป็นกรรมการก็ได้?”
    ไต๋หมีปฏิเสธ เล่าถึงที่จะไป แล้วก็ถามหาแหล่งปลาทรายแดงที่คาดว่าไต๋เดชาจะรู้
    “แหม..หาทำยายาก ผมตระเวนไปจนทั่ว แถวชายแดนเขมรนั้นแหละพอจะมีหวัง ฟังจากวิทยุ ตอนนี้เรือประมงนับร้อยลำมุ่งหน้าสู่เกาะกูด คงจะหาปลาแดงเหมือนกัน มันไกลมากผมไม่อยากเสี่ยงไป ค่าใช้จ่ายก็สูง แต่ถ้าพบบอกกันบ้างนะ ราคามันชวน”
    กัปตันเดชาทิ้งท้าย พร้อมกับให้พิกัดของหมายกลางอ่าวสำคัญ ๆ ตลอดจนแนะนำเส้นทางเดินเรือให้เลือกเอา เผื่อว่าอาจมีโอกาสได้พบมันบ้าง
    เที่ยงวันคนก็พร้อมออกเดินทาง ไต๋หมีเลือกเส้นทางเดินเรือลัดกลางอ่าวตรงที่สุดสู่เกาะกูดระยะทาง 112 ไมล์ เข็ม 120 องศา ตั้งเส้นเดินทางลงบนจอดาวเทียม  จะผ่านกองหิน ซากเรือเหล็ก เรือแก๊ส  เฉียดเกาะรัง ถึงเกาะกูด ซึ่งทุกคนเห็นดีด้วยดีกว่าเลาะชายฝั่ง เกาะเสม็ด หินเพลิง แหลมสิงห์ เกาะช้าง หรือล่องใต้เข็ม 180 ไปเรือจมกนกเพชร โหงฟ้า โชคแหลมทอง ถึงจะเปลี่ยนเป็นเข็ม 90 สู่เกาะกูด จะเปลืองน้ำมันมากกว่า
    “เอ้ารีบไปกันเถอะเรา กว่าจะถึงเรือแก็สอีก 50 กว่าไมล์ ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง จะได้มีเวลาตกปลาไม่ดึกมาก ทิดหมาน เห็นว่าอยากจะลากเบ็ดพอพ้นกองปะการังเทียมนี่ก็ปล่อยสายได้เลย บอกไชโยด้วย” ไต๋หมีบอกกับผู้ร่วมเดินทาง เรือผ่านปากร่อง หินจุฬา สู่พื้นน้ำสีครามเข้ม ทิ้งแนวเกาะจวงเลือนลางไว้เบื้องหลัง
    เพียง3 ชั่วโมงก็มีแต่น้ำกับฟ้าเป็นเพื่อน แสงแดดจ้าจนแสบตา ข้างหน้ามีเรือบรรทุกขนาดใหญ่แล่นอยู่ อากาศร้อนระอุจนไต๋หมีต้องถอดเสื้อขับเรือ เหงื่อซึมตามใบหน้า ไรผมหยิกหยักโศก ไหลลงสู่แผ่นหลังหนาคล้ำ ตามองจอดาวเทียม สลับกับเข็มทิศ เริ่มอ่อนล้าตาลาย ความง่วงเข้าถามหาด้วยเมื่อคืนนอนไม่ค่อยจะหลับ จนสุดจะฝืนขับต่อ ลุงหมานกำลังนอนเล่นสบายอารมณ์ ปล่อยให้ไชโยกับเหวียนเฝ้าคันเบ็ดอยู่ท้ายเรือ ไม่มีวี่แววของปลาที่จะหลงเข้าฉวยเหยื่อปลอม
    “ทิดหมานลุก ลุก ช่วยถือท้ายหน่อย ขอสักงีบหนึ่ง ขืนขับต่อมีหวังได้ล่อเรือสินค้าแน่เลย”
    “ผมน่ะลุกแล้ว เกิดอะไรขึ้น โอ๊ะ.โอ .จะเล่นเรือเหล็กเชียวเรอะ?“
    ”ก็ฤทธิ์ข้ามต้มกลางวันนั้นแหละ ”
    “เฮ่อ..ลูกตาปลาสาก ก็มีสารอย่างว่าด้วยรึ ไต๋หมี”

                                  (ติดตามตอนต่อไป)
ตามล่าปลาทรายแดง(2)
ภาพที่ 3
                   
                                      ภาพหินใหญ่
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024