หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย

เรื่องมีอยู่ว่า...เทวดาหารือกันว่าจะทำอย่างไรจึงจะรบชนะยักษาที่ได้รับพรจากพระศิวะให้รบชนะเทวดาได้เสมอ และพากันปรึกษาพระนารายณ์ ซึ่งพระนารายณ์ก็ทรงดำริกันว่าจะต้องทำพิธีกวนเกษียรสมุทร เพื่อสู้กับยักษ์ที่เก่งกล้าสามารถกว่า
เกษียรสมุทรนั้นตั้งอยู่ในทิศตะวันออกของจักรวาล มีน้ำสีขาวคือเกษียร(แปลว่าน้ำนม)ไหลเต็มอยู่ตลอดปี การจะกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำอมฤตเป็นการใหญ่ที่หมู่เทวดาเพียงลำพังจะกระทำกันเองไม่ได้เพราะมีเรี่ยวแรงน้อย  ดังนั้นจึงหลอกล่อเหล่ายักษาโดยสัญญาว่าเมื่อได้น้ำอมฤตแล้วก็จะแบ่งกันดื่มเพื่อความเป็นอมตะตลอดไป
เหล่ายักษาได้ฟังดังนั้นก็ตกลงสมานฉันท์ร่วมในพิธีครั้งนี้โดยเริ่มจากช่วยเหล่าเทวดาถอนเขามันทละ ซึ่งมีความสูงพ้นพื้นดิน 11,000 โยชน์ และหยั่งฐานรากอยู่ใต้ดินอีก 11,000
โยชน์ เพื่อใช้เป็นไม้กวนเกษียณสมุทร โดยใช้พญานาควาสุกรีผู้เป็นพี่ของพญาเศษะ(เส-สะ หรือ พญาอนันตนาคราชหรือพญานาคพันเศียรที่เป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์) ต่างเชือกพันกับเขามันทละ ทั้งยังโปรยสมุนไพรอันเป็นทิพย์ลงในเกษียรสมุทรอีกด้วย
ฝ่ายเทวดารู้ว่าเมื่อพญาวาสุกรีถูกชักลากไปมาจนเวียนหัวจะสำรอกพิษออกทางปากจึงออกอุบายเยินยอยักษาว่าเป็นผู้มีกำลังมากสมควรได้รับเกียรติให้ถือฝั่งหัวพญานาคส่วนเหล่าเทพผู้มีฤทธิ์น้อยจะขอถือฝั่งหางเอง ข้างฝ่ายยักษาได้ยินคำเยินยอเช่นนั้นก็หลงเข้าใจว่าปวงเทวาให้เกียรติจึงรับคำจะถือฝั่งเศียรพญานาคเอง  ทำให้ระหว่างที่กวนเกษียรสมุทรอยู่นั้น พญาวาสุกรีสำรอกพิษร้ายโดนเหล่ายักษาเป็นเหตุให้มีหน้าตาผิวพรรณตะปุ่มตะป่ำ
พิธีกวนเกษียรสมุทรดำเนินไปได้พันปี จึงบรรลุผล มีของสำคัญ 14 อย่างผุดออกมา (ตำราไทยมีแค่ 10 อย่าง)
ท้ายสุดของพิธี เกิดคลื่นน้ำไหลวนปั่นป่วน ปรากฏเทพบุตรนามว่า "ธนวันตริ" ทูนคนโทบรรจุน้ำอมฤตลอยขึ้นมาเป็นลำดับสุดท้าย
ด้วยเกรงว่าเหล่ายักษ์จะแย่งชิงน้ำอมฤตไปดื่ม พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นเทวีหน้าตางดงามนามว่า "โมหิณี" หลอกล่อให้ยักษาตามพระองค์ไป ฝ่ายยักษาเห็นหญิงงามก็พากันลืมเรื่องน้ำอมฤตแล้ววิ่งตามพระนารายณ์แปลงในทันที และเหล่านางอัปสรก็ช่วยกันมอมสุรายักษากันอย่างเมามัว เหล่าเทพเห็นสบโอกาสเหมาะจึงแบ่งกันดื่มน้ำอมฤตในทันใด
ในหมู่ยักษาทั้งหลายที่พากันหลงใหลสะคราญโฉมของพระนารายณ์แปลงยังมียักษ์อยู่ตนหนึ่งนามว่าราหูเป็นยักษ์ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม จึงแปลงกายให้เหมือนเทวดาแล้วไปแฝงอยู่ในหมู่เทพเพื่อดื่มน้ำอมฤต แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์เห็นผิดสังเกต จึงนำความไปฟ้องพระนารายณ์ พระองค์จึงขว้างจักรสุทรรศนะไปต้องกายราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ด้วยฤทธานุภาพแห่งน้ำอมฤต ราหูก็ไม่สิ้นชีพ
ด้านฝ่ายยักษา หลังจากที่ตามนางโมหิณีและถูกเหล่านางอัปสรมอมสุราพึ่งสร่างจึงพบว่าฝ่ายเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤตหมดแล้วก็บังเกิดความโกรธหมายจะเข้าโรมรันแต่เหล่าเทวะได้ดื่มน้ำอมฤตแล้วจึงเป็นอมรไม่มีวันตายอีก ฝ่ายยักษาสู้ไม่ได้ก็พ่ายแพ้กลับไปไม่กล้าเข้ามารุกรานสวรรค์อีก
หมู่ยักษาเมื่อได้พบบทเรียนเช่นนี้แล้วจึงปวารณาตนไม่ดื่มเครื่องดองของเมาอีก
จึงเป็นที่มาของคำว่า "อสูร" (อ+สุระ) หมายถึงผู้ไม่ดื่มสุรา
ต่างกับเหล่าเทวะที่ยังดื่มสุราดังเช่นคำเรียกที่อยู่ของเทวดาที่ว่า  "ฟากฟ้าสุราลัย" (สุระคือเหล้า สนธิกับคำว่าอาลัยแปลว่าที่อยู่) หมายถึงที่อยู่ของผู้ดื่มสุราคือสวรรค์นั้นเอง

...

ใครที่เรียกร้องให้คนเลิกดื่มสุรา    จะรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังชักชวนให้คนกลายเป็นยักษากัน เพราะไม่เคยเรียนรู้ตำนานโบราณของบรรพชน