สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 28 มี.ค. 67
ธรรม 1/6 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 2 - [3 ต.ค. 54, 20:50] ดู: 1,548 - [23 มี.ค. 67, 18:29] โหวต: 1
ธรรม 1/6
moo2502 offline
30 ก.ย. 54, 10:35
1
ธรรม 1/6
ภาพที่ 1
ธรรม
โดย Nalinee Koraksawet เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 0:14 น.
ทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หาความคงทนไม่ได้ ไม่มีตัวตนอะไรให้ไปยึดเหนี่ยวเกาะเกี่ยวผูกพันได้ แต่ความที่เราไม่เข้าใจ จึงไปยึดมันไว้ไม่ให้มันเปลี่ยน เมื่อมันเปลี่ยนไปตามธรรมชาติตามเหตุและปัจจัยของมัน ใจเราจึงเป็นทุกข์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน ให้ยึดให้ถืออะไรได้เลย                                             
  เราทุกคนต่างรู้ว่า ในที่สุดความตายก็จะมาถึง แต่ละวันเราใกล้ความตายเข้าไปทุกที ทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับความตายก็คือ การมีชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์  คือมีความเมตตา และมีความรักต่อกัน
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เราเป็นทุกข์ แต่ใจที่ไปพะวง ใจที่ไปคาดคะเน ไปห่วงว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ หรือจะไม่ได้  นั้นต่างหากที่ทำให้เรากังวล ให้เราทุกข์ ความที่เราเอาใจไปผูกกังวลอยู่กับสิ่งที่ไม่มีอยู่ สิ่งที่เป็นอดีตไปแล้ว ซึ่งไม่ว่าเราจะกังวลแค่ไหน การจะได้หรือไม่ได้  ในสิ่งที่ได้กระทำลุล่วงไปแล้ว  สิ่งนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก 
กรรมของคนเราก็เช่นกัน สิ่งที่ทำลงไปแล้ว อย่าย้อนคิดเสียดาย อย่าเก็บมากังวลครุ่นคิด เพียงแต่ก่อนจะกระทำสิ่งใด ให้ไตร่ตรองจนรอบคอบเสียก่อนด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยเหตุผล ก่อนจะทำอะไร เราควรจะคิดให้ดี ว่าจะทำอย่างไร เพื่อที่จะไม่มาย้อนคิดเสียใจ ในภายหลัง กับสิ่งที่เอาคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว และหากได้กระทำ หรือตัดสินใจอะไรลงไป  เหตุนั้นหรือสิ่งนั้นก็ถือเป็นอดีตไปแล้ว  อนาคตก็เช่นกัน หากเราอยากได้สิ่งใดในชีวิต ก็ขอให้รอบคอบกับการกระทำทุก ๆ อย่าง ถ้าเราทำปัจจุบันเฉพาะหน้า  แต่ละขณะด้วยความรอบคอบ ด้วยความแน่ใจ มั่นใจ ก็ไม่ต้องห่วงว่าอนาคตจะดีหรือไม่ดี

ถ้าเราคิดเสียว่า เหตุการณ์จริง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่ตัวทุกข์หรือสุข แต่เพราะใจ ที่ไปแปลความหมายต่างหาก เป็นตัวทำให้เราเป็นทุกข์ หรือเป็นสุข เช่นหากเกิดเหตุอะไรขึ้นสักอย่างที่ทำให้เราไม่พอใจ แทนที่เราจะไปคิดว่าทำไมเราโชคไม่ดีอย่างนี้ แต่ถ้าเราคิดเสียว่า  ดีเหมือนกัน เพราะมีเหตุนี้เกิดขึ้น เราจะได้รู้ว่าเราอยู่อย่างมีสติ หรือสมาธิอยู่กับใจหรือเปล่า ถือซะว่าเป็นแบบทดสอบ
อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนเป็นหินลับสติปัญญาทั้งสิ้น ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ใจ ว่าใจจะคิดอย่างไร คิดให้ทุกข์ก็ทุกข์ คิดให้สุขก็สุข คิดง่าย ๆ ว่าอยากทุกข์หรืออยากสุขก็เลือกเอา
พยายามทำใจให้เป็นใจที่มีคุณภาพทั้งกับตัวของเราเอง และทั้งกับผู้ที่มาเกี่ยวข้องกับเรา เพราะถ้าใจดวงนี้ร่มเย็นแล้ว มันก็เป็นพลังที่ดี ที่ใครเข้าใกล้ก็จะรู้สึกดีด้วย 


สมาธิในชีวิตประจำวัน
ปกติคนเราก็มีสมาธิกันอยู่โดยธรรมชาติแล้วทั้งนั้น แต่เราอาจจะไม่รู้สึกตัว ว่านั่นเป็นสมาธิ  ชีวิตประจำวันขณะนี้ วุ่นวาย สับสน จนเรารู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีกำลังพอที่จะรับหน้ากับสิ่งที่ต้องผจญอยู่ทุก ๆ วัน ที่เป็นดังนี้ เพราะเราไปมุ่งเพ่งเล็งอยู่แต่ในด้านวัตถุกันมาก จนกระทั่งลืมนึกไปว่า สิ่งที่เป็นรูปกายของเรานี้ประกอบด้วยสองส่วน คือ กาย ซึ่งเป็น วัตถุ กับใจ ซึ่งเป็นนามธรรม เป็นพลัง เมื่อเราไม่เคยสนใจที่จะบำรุงรักษาใจให้ได้พักผ่อน เพื่อจะได้มีพลังเพียงพอไว้ต่อสู้กับเหตุการณ์ประจำวัน เราก็เริ่มรู้สึกล้า รู้สึกเหนื่อย รู้สึกขุ่นมัว รู้สึกเศร้าหมอง แต่เราก็ไม่มีเวลาที่จะนั่งลงถามหาเหตุผลว่า เหตุใดเราจึงเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม เรากลับพยายามแสวงหากันต่อไป ด้วยคิดว่า อาจจะเป็นเพราะวัตถุที่มาอำนวยความสะดวกให้เรานั้น ยังน้อยไป ยังขาดตกบกพร่องไป เราจึงแสวงหาวัตถุเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งแสวงหา ยิ่งไขว่คว้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งสับสน ยิ่งไม่มีกำลังมากขึ้น
สมาธิคือความแน่วนิ่งของใจ ของจิตของเรา ปกติใจซึ่งเป็นพลัง เป็นสิ่งที่กระเพื่อมเหมือนกับน้ำอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการเคลื่อนไหว ก็มีการคิดไป ไหลไปตามอารมณ์ โดยไม่มีหลักยึดเหนี่ยว ก็จะเหนื่อย จะหมดกำลังไปโดยเปล่าประโยชน์ หากเราหาอะไรที่ทำให้ใจเกิดความตั้งมั่น เกิดความแน่วนิ่งขึ้นได้ เป็นเหมือนทุ่นไว้สำหรับให้เกาะ จิตก็จะไม่ว้าวุ่นสับสน แต่จะสงบเย็น และมีกำลังพร้อม สำหรับนำไปใช้คิดขบปัญหา ด้วยเหตุ ด้วยผล
ปัญหาจึงมีว่า ทำอย่างไร เราจึงจะสามารถทำให้สมาธิเกิดได้เพียงพอ สำหรับที่จะรักษาและเสริมบำรุงใจของเรา ให้มีสมรรถภาพพอที่จะทำการงาน และมีชีวิตอยู่ โดยสามารถบำเพ็ญประโยชน์ได้เต็มที่ และอย่างดีด้วย
ปกติคนเราย่อมมีกิจกรรม มีการเคลื่อนไหวอิริยาบถ หรือมีอะไรทำอยู่เป็นประจำ แทนที่เราจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ใส่ใจ ไม่เอาสติไปจดจ้องไว้ เราก็เอาสติมาตามรู้อยู่ ไม่ให้ไหลตาม หรือเกาะเกี่ยวไปกับอารมณ์ ไปในอดีต หรือไปในอนาคต โดยละเลยปัจจุบัน ทุกขณะ
ขณะที่เรากำลังเป็นอยู่นี้ เริ่มง่าย ๆ คือ เมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นมา แทนที่จะปล่อยใจของเรา ให้ไปนึกถึงสิ่งที่ผ่านไปเมื่อวาน นึกถึงเหตุการณ์ที่เรายังปลงไม่ตก ที่มันยังเป็นความกังวลอยู่ เราเอาสติมาตามรู้อยู่กับอิริยาบถ ในปัจจุบันเดี๋ยวนั้น  เราลุกขึ้น ก็ให้รู้อยู่ เรา
ไปห้องน้ำ ทำกิจวัตรประจำวัน ก็ให้รู้อยู่
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024