สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 16 เม.ย. 67
รำลึกสืบ นาคะเสถียร : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 10 - [15 ม.ค. 56, 15:17] ดู: 1,954 - [8 เม.ย. 67, 10:23]
รำลึกสืบ นาคะเสถียร
ขจรศักดิ์ (77 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
3 ก.ย. 55, 11:35
1
รำลึกสืบ นาคะเสถียร
ภาพที่ 1
วันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้ เป็นวันครบรอบ 13 ปีของการเสียชีวิตของ คุณสืบ นาคะเสถียร ที่ยิงตัวตายในในป่าห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ.2533

วันก่อนผมเปิดดูในเว็บของพันธุ์ทิพย์ มีคนตั้งกระทู้เข้ามาในหัวข้อ "สาเหตุที่คุณสืบต้องพลีชีพ"

ปรากฏว่าคนที่แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก ใช้ชื่อว่าคุณสิ้นคิด ได้เขียนว่า "อย่าไปโทษใครเลย แกเป็นคนสิ้นคิดมากกว่า การฆ่าตัวตาย ผมว่าเป็นคนสิ้นคิดจริงๆ"

อันที่จริงก็คงไม่มีใครรู้อย่างถ่องแท้นอกจากตัวคุณสืบเองว่า สาเหตุการที่แกต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายเป็นเพราะอะไร

แต่ในทรรศนะของผมซึ่งพอจะมีความคุ้นเคยและเคยร่วมงานกับแกมาหลายปี ขอเปรียบการตายของแกไว้ดังนี้

..หากมีวันหนึ่ง คุณถูกคนร้ายจับไปล่ามโซ่ เมียของคุณกำลังถูกคนร้ายข่มขืน คุณไม่สามารถจะช่วยเหลือคนรักของคุณได้

คุณดิ้นสุดขีดแต่ไร้ผล คุณตะโกนก้องเพื่อให้คนอื่นมาช่วย แต่คนเหล่านั้นแกล้งทำไม่ได้ยิน บางคนบอกว่าให้คุณช่วยตัวเองไปก่อน

คุณดิ้นพล่านเมื่อเมียรักร้องครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่มีใครสนใจ

แล้วสุดท้ายคุณก็มิอาจทนกับสภาพอันบั/ดซบที่เกิดขึ้นต่อหน้าคุณ โดยที่คุณไม่อาจช่วยเมียอันเป็นที่รักยิ่งได้ และถึงเวลานั้นคุณแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณอาจเลือกทำร้ายตัวเอง เพื่อบอกให้โลกรับรู้ว่า
เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของครอบครัวคุณ

คนส่วนใหญ่อาจมีชีวิตเพื่อครอบครัวและตัวเอง แต่สำหรับสืบ นาคะเสถียร แล้ว เขารักและหวงแหนชีวิตของสัตว์ป่าและผืนป่ามากกว่าตัวเองและครอบครัวเสียอีก ที่ผ่านมาเขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสิ่งอันเป็นที่รักยิ่ง เขาวิ่งพล่านไปทั่วประเทศเพื่อบอกให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้รู้ว่า อะไรเกิดขึ้นกับสัตว์ป่าและผืนป่าธรรมชาติ...แต่ไม่มีใครสนใจ

..ก่อนรุ่งสางของวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2533 เสียงปืนนัดหนึ่งจึงดังขึ้นที่ห้วยขาแข้งในราวป่าลึก

สองอาทิตย์ต่อมา ภายหลังจากที่ข่าวการเสียชีวิตของหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ติดต่อกันหลายวัน ห่างจากบริเวณที่เกิดเสียงปืนไม่กี่สิบเมตร ข้าราชการระดับสูงจากกรมป่าไม้ นายอำเภอ ป่าไม้เขต ผู้ว่าราชการจังหวัด นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่อีกนับร้อยคน ต่างรีบเร่งมาประชุมกันที่ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อร่วมประชุมปรึกษาหารือในการป้องกันการทำลายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งอย่างแข็งขัน

สืบ นาคะเสถียร รอวันนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เขามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขต ป่าห้วยขาแข้ง เมื่อเก้าเดือนก่อน

หากไม่มีเสียงปืนในราวป่านัดนั้น การประชุมในวันนั้นคงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน

คุณสืบ ไม่ใช่คนสิ้นคิดครับ

วันหนึ่งในปลายปี พ.ศ.2533 คุณสืบได้มาหาผมและเล่าให้ฟังว่าแกกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต เพราะแกเพิ่งได้รับคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง ซึ่งในเวลานั้นแกได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าเหมาะสมที่สุด ที่จะไปดูแลพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดผืนหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีขนาด 1 ล้าน 6 แสนไร่ ในขณะเดียวกัน สืบบอกว่าแกสามารถสอบชิงทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเลือกที่จะไปเรียนต่อเป็นด๊อกเตอร์ เพื่อหน้าที่การงานที่เจริญก้าวหน้าในอนาคต และสืบเองที่จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอนก็มีอนาคตในวงราชการอันสดใสยิ่ง แต่สืบกลับหันหลังให้กับอนาคตที่หลายคนใฝ่ฝัน และเดินเข้าป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งในเวลานั้น

คนที่อยู่นอกวงการแทบจะไม่มีคนรู้จัก สืบเดินเข้าป่าห้วยขาแข้งด้วยความฝันและพลังอันเปี่ยมล้นที่จะรักษาป่าที่เขาหวงแหนให้สำเร็จ โดยที่มีงบประมาณในการรักษาป่าที่ดีที่สุดเพียงไร่ละ 80 สตางค์ กับเจ้าหน้าที่ร้อยกว่าคนในการดูแลป่าที่มีขนาดใหญ่เกือบเป็นสองเท่าของ พื้นที่กรุงเทพมหานคร

แต่ไม่นานนักสืบก็รู้ว่าปัญหาในป่าห้วยขาแข้งสลับซับซ้อนและยากที่จะแก้ไข ไม่ว่าปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ การตัดไม้ทำลายป่าซึ่งมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังแทบทั้งสิ้น มีเสียงปืนล่าสัตว์ มีการออกจับทุกวันแต่เมื่อจับผู้ต้องหาได้ ก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งสืบเข้าใจถึงปัญหาความยากจนว่าเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คนเหล่านี้ต้องทำผิดกฎหมาย แต่ไม่สามารถสาวไปถึงผู้บงการได้ เขาเคยพูดว่า

"ลำพังชาวบ้านอย่างเดียวมันไม่หนักหนาหรอก ถ้าหากไม่มีเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเราอยากจะรักษาและสัตว์ป่า เราต้องขัดแย้งทั้งภาครัฐและฝ่ายประชาชน"

เมื่อสืบพยายามขอความร่วมมือจากหน่วยราชการนอกป่าห้วยขาแข้ง ในการช่วยป้องกันการทำลายป่า โดยเฉพาะบริเวณป่าสงวนฯ รอบๆ ป่าห้วยขาแข้งที่เขาไม่มีอำนาจ แต่ไม่ได้รับความสนใจ แม้แต่ผู้ใหญ่ในกรมป่าไม้ เมื่อสืบเข้าพบหลายต่อหลายครั้งเพื่อพยายามอธิบายปัญหาในพื้นที่ แกเล่าให้ฟังว่าคำตอบที่ได้รับคือ "เอาเลยสืบ คุณทำโครงการมา" แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไปในระบบราชการไทย

เมื่อสืบเข้าพบผู้ใหญ่คนหนึ่งเพื่อมายื่นแฟ้มหนังสือ ขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาในป่าห้วยขาแข้ง ผู้ใหญ่คนนั้นกลับโยนแฟ้มคืนให้สืบด้วยความไม่สนใจ พูดเพียงว่า "คุณต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมอีก" ในขณะที่ลูกน้องของเขาก็ค่อยๆ ล้มตายและบาดเจ็บลงเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครสนใจ

หากเป็นคนอื่น เขาอาจจะเลือกลาออกจากราชการ หรือไม่ก็ถูกระบบราชการอันเฉื่อยชากลืนไปเรียบร้อย

แต่หากรู้จักนิสัยของสืบก็จะรู้ว่า เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบในการทำงานสูงมากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะมี และช่วงปลายชีวิตเขารู้สึกเขาไม่สามารถปกป้องชีวิตของสัตว์ป่า และแม้กระทั่งลูกน้องของเขาเองได้

สืบเป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานอย่างแรงกล้า แต่ความมุ่งมั่นของเขาถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากระบบราชการไทยและผู้ใหญ่ที่ ไม่เคยสนใจปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง

เขาเคยปรึกษาแม่ว่าอยากจะลาออกและไปบวช แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะการลาออกเป็นการทรยศต่อตัวเอง ต่อป่าห้วยขาแข้งและต่อลูกน้องของเขาด้วย

แต่การมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่อาจทำให้ความมุ่งมั่นและความฝันของเขาเป็นจริงได้

สืบ นาคะเสถียร ไม่เคยทรยศต่อความมุ่งมั่นและหลักการของตัวเอง

บางทีการฆ่าตัวตายอาจเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ความมุ่งมั่นของเขาเป็นจริงได้

และไม่สนใจเลยหากจะมีใครกล่าวหาในภายหลังว่า "เขาเป็นคนสิ้นคิด"



...


เครดิต
โดย วันชัย ตัน
http://www.seub.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=196:libery&catid=63:2009-11-12-08-42-26&Itemid=78



อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกตื้นตันใจมากครับที่ประเทศไทนเคยมีข้าราชการดีดีแบบนี้อยู่ครับ
ด้วยความเคารพครับ
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024