ภาพที่ 1สืบเนื่องมาจาก http://www.siamfishing.com/content/view.php?id=112&cat=article อ่านแล้วได้ไอเดียร์
ผมต้องเขียนบทความส่งอาจารย์ ลองดูหน่อยแล้วกันนะคับ
กีฬาตกปลาสากล ถือกำเนิดในประเทศไทยประมาณ 20 ปีเศษ ซึ่งได้รับเอาอุปกรณ์ วิธีการ มาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบของตนเอง แต่กีฬาตกปลาในประเทศไทยพึ่งจะนำแนวคิด catch-and-release หรือการตกปลาเชิงอนุรักษ์ มาเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นในช่วงระยะเวลากว่า 20 มานี้ จำนวนทรัพยากรปลาบางสายพันธุ์ เกือบสูญพันธุ์หรืออยู่ในขั้นวิกฤต เมื่อเป็นเช่นนี้ทำไห้นักกีฬาตกปลาส่วนหนึ่งตระหนักในปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มีความพยายามนำ แนวคิดของการตกปลาเชิงอนุรักษ์ catch-and-release มาเผยแพร่ ในประเทศไทย
ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่มีกีฬาตกปลาเป็นงานอดิเรก เป็นกิจกรรมยามว่าง สำหรับผู้อื่นที่มิได้สัมผัสกีฬาตกปลา อาจมีทัศนคติด้านลบต่อกีฬาชนิดนี้ เช่น การตกปลาเป็นบาป เป็นการทรมานสัตว์ การตกปลาผิดศีลธรรม ฯลฯ ทัศนคติเหล่านี้ข้าพเจ้ามิได้ปฏิเสธ เพราะคนแต่ละคนมีความคิดแตกต่างกัน รวมทั้งสิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่กีฬาตกปลาในทัศนคติของข้าพเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ให้ทัศนคติที่ต่างไป
กีฬาตกปลาสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักการศึกษาและว่างแผน ในการตกปลาแต่ละชนิดจะต้องศึกษานิสัยการกินเหยื่อ แหล่งอาหารในธรรมชาติ บางครั้งปลาชนิดเดียวกันแต่สถานที่ต่างกันก็กินเหยื่อตางกันอีก ดังนั้นนักตกปลาจะต้องศึกษาเรียนรู้ปลาแต่ละชนิดและแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา
กีฬาตกปลาสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักขันติหรือความขยันอดทน การออกไปตกปลานั้นหลายครั้งที่ไม่ได้ปลา ข้อนี้นักตกปลาทราบดี หรือกว่าจะได้ปลานั้นก็ต้องรอนาน เพราะการตกปลานั้นนอกจากใช้อุปกรณ์ และความสามารถแล้วยังขึ้นอยู่กับปลาด้วย ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่คาดเดายากมากและเป็นเสน่ของกีฬาชนิดนี้ก็ว่าได้ ภาษาของนักตกปลาใช้กันเรียกว่า ลุ้น
กีฬาตกปลาสอนให้ข้าพเจ้ารู้แพ้รู้ชนะ สำหลับข้อนี้จะตรงกับบทความข้างต้นในเรื่องการตกปลาเชิงอนุรักษ์ จับและปล่อย ปลาแต่ละตัวที่ข้าพเจ้าตกได้ไม่จำเป็นต้องตายทุกตัว ผู้ที่ไม่ได้ศึกษากีฬาตกปลามาก่อนหรือคนภายนอกอาจมองว่า ปลาที่จับขึ้นจากน้ำแล้วต้องตายต้องนำไปประกอบอาหารทั้งหมด แต่หารู้ไม่ว่าด้วยวิธีการ และอุปกรณ์ที่ถูกวิธีนั้นสามารถทำไห้ปลาที่จับได้บาดเจ็บน้อยที่สุดได้ สามารถเลือกปล่อยปลาที่ไม่ได้ขนาดหรือปลาที่หายากใกล้สูญพันธุ์
นักตกปลาไม่สามารถปฏิเสธเรื่องผิดศีลธรรมการทรมานสัตว์ หรือเรื่องบาปบุญได้ ในทางกลับกันมีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นมา นาย ก ตกปลามาประกอบอาหาร นาย ข ซื้อปลามาประกอบอาหาร ระหว่างนาย ก กับ นาย ข ใครผิดศีลธรรม ใครบาปกว่ากัน ? เป็นคำถามที่น่าสนใจว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ซึ่งข้าพเจ้ามีคำตอบอยู่แล้วในใจ ถึงคำตอบส่วนใหญ่จะตอบว่า นาย ก แต่ข้าพเจ้าที่เรียกตนเองว่านักตกปลาสามารถเลือกปฏิบัติตัวเป็นนักตกปลาที่ดีได้ นักตกปลาที่ดีต้องพึ่งระลึกไว้เสมอว่าเราไม่ใช่ชาวประมง เราไม่จำเป็นต้องตักตวงปลาจากธรรมชาติมามากเกินความจำเป็น เราไม่ได้หาปลาเลี้ยงชีพ
แนวคิดของ "Catch-and-Release" การตกปลาเชิงอนุรักษ์ ข้าพเจ้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะทรัพยากรปลาในธรรมชาตินั้นมีจำกัดแต่ความต้องการของมนุษย์มีไม่จำกัด ตราบใดที่ประเทศของเรายังไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับที่ชัดเจน เรื่องการทำประมง การจับปลาที่ถูกวิธี หรือจิตสำนึกของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ยิ่งนานวันทรัพยากรเหล่านั้นถูกใช้ไปมากขึ้น มากขึ้น แน่นอนว่าวันหนึ่ง ลูกหลานของเราอาจได้ศึกษาสายพันธุ์ปลาจากรูปภาพก็เป็นได้ หรือเรือประมงไทยวันหนึ่งต้องออกไปทำประมงไกลถึงมหาสมุทรแปรซิฟิก ข้าพเจ้ามิได้มองโลกในแง่ร้าย แต่วันนั้นอาจมาถึงเร็วกว่าที่คาดกันก็เป็นได้
ท้ายนี้หวังเป็นอย่างสำหรับผู้ที่ได้อ่านบทความเรื่อง จับและปล่อย "Catch-and-Release" การตกปลาเชิงอนุรักษ์ ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย ข้าพเจ้า*ขอเป็นหนึ่งเสียงที่อยากจะบอกไปถึงท่านผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้ และอยากเห็นแนวคิดดี ๆ แบบนี้ได้เผยแพร่ไปสู่นักตกปลาทั่วไป ขอขอบคุณที่มา http://www.siamfishing.com/content/view.php?id=112&cat=article ที่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการเขียนบทความครั้งนี้