ปากบารา 49 หรรษาตกปลา เริงร่าเล่นน้ำ (2): SiamFishing : Thailand Fishing Community
12>
กระดาน
คห. 27 อ่าน 23,627
ปากบารา 49 หรรษาตกปลา เริงร่าเล่นน้ำ (2)
ตั้ง: 22 ธ.ค. 49, 18:30
ปากบารา 49 หรรษาตกปลา เริงร่าเล่นน้ำ (2)
ภาพที่ 17 ตะวันขึ้นที่เกาะหลีเป๊ะ เช้าวันนี้คลื่นไม่แรง และลมทะเลพัดโกรก นั่งมองแสงสีของท้องฟ้ายามรุ่งอรุณให้ชื่นหัวใจ

ถ้าต้องการอ่านตอนที่ 1 คลิกที่นี่เลยครับ

2 ธ.ค 49

รู้สึกตัวอีกทีนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ดีนขึ้นมานอนข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ผมลุกขึ้นลงไปแปรงฟัน ล้างหน้า เพื่อนผมนอนยาวอยู่บนกระดานที่ดัดแปลงเป็นม้านั่งท้ายเรือนั่นเอง โอ๋ยังตื่นอยู่ และรีบเอาปลายสายเอ็นมาให้ดู แล้วว่าลูกพี่สู้กับปลาใหญ่จนสายขาดไป เล่าด้วยสีหน้าแสดงความตื่นเต้น

โกหยี่ พี่ชายของเพื่อนผมยังนั่งจับคันตกปลาอยู่อย่างไม่ลดละ และดึงเอาปลาตะมะขนาดเล็ก (ไต๋บอกว่า ตัวเอียดๆ ซึ่งยังเล็กกว่า "ตัวเล็กๆ" -ออกเสียง เหล็กๆ ) ขึ้นมาจากน้ำ 1 ตัว ดีนลุกขึ้นมาทีหลัง แต่เตรียมเหยื่อลงน้ำได้ก่อนผม คิดเล่นๆ เหมือนกับการผลัดกะ คนตกปลากะแรกเหนื่อยเพลียก็ไปนอนพัก กะที่สองคือ ผมกับดีน ก็มาตกกันต่อ ผมเตรียมเหยื่อแล้วลงเบ็ดหน้าดินเช่นเดียวกัน เสร็จแล้วไปเปิดดูถังแช่ปลา ปลาตะมะ ปลามงขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหลายตัว แต่เปรียบเทียบแล้วก็น่าจะได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะปลาขนาด 5-7 กิโลกรัม หรือคืนนี้เราจะไม่มีโชคกับปลาในท้องทะเล?

พี่ชายของเพื่อนบอกว่าหัวค่ำที่ผ่านมานั้น ปลากินเบ็ดดีมาก ผมลงมาตกตอนที่ปลาเลิกกินแล้ว ทางห้องไต๋เองก็เงียบสนิท ไต๋และจุมโพ่นอนหลับกันคนละมุม เหลือคนที่ยังตกปลาอยู่ 5 คน มีเพียงเสียงเครื่องเรือที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่มีวี่แววปลามากินเหยื่อ ผมเปลี่ยนจากชุดหน้าดินเบ็ดตัวเดียวมาเป็นชุดเบ็ดโสกหลายตัว ซึ่งก็ไม่ได้ปลาอะไรอีกเช่นกัน ร่ำๆ จะเปลี่ยนเป็นการตกหมึกแต่ก็ขี้เกียจวุ่นวายเกินไป มีแต่โบ้กับโอ๋ สองพี่น้องที่สนุกกับการไล่ตก-ตักหมึกตัวใหญ่ขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งก็ได้ตัวใหญ่ๆ 4-5 ตัว เห็นหมึกตัวใหญ่ๆมาเล่นไฟ ผมนึกอยากให้ไต๋เร่งไฟล่อหมึก แล้วหรี่ไฟครอบสักครั้ง เพราะเห็นแต่หมึกใหญ่ๆ หมึกพวกนี้ขนาดใหญ่เกินตกปลา แต่ก็เอากลับไปทำกับข้าวได้อร่อย แต่คิดอีกที ไม่น่ารบกวนไต๋เรือขนาดนั้น เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อเร่งไฟ ครอบหมึก

เดือนเสี้ยวดวงเดิมลอยอยู่เหนือยอดเกาะอาดัง สะท้อนแสงลงในน้ำ แสงนั้นกระเพื่อมตามริ้วคลื่น เรือทอดสมอ และสมอไม่เกาแต่เรือก็หมุนไปรอบ ทำให้ผมได้มองเห็นเดือนเสี้ยวในมุมที่แตกต่างกัน นึกอยากถ่ายรูปไว้ แต่ยังหากล้องไม่เจอ ที่ๆเคยวางกล้อง ตอนนี้ช่างรินทร์ก็นอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่ เขาอาจจะเอากล้องไปวางไว้ตรงซอกไหนก็ได้ แต่ผมไม่อยากปลุกขึ้นมาถาม

พอช่างรินทร์ลุกขึ้น ผมจึงเห็นกล้องวางแอบอยู่จริงๆ ผมหยิบมาถ่ายภาพได้ 3-4 เฟรม ครับ เรือโคลงเล็กน้อย และไม่มีขาตั้งกล้อง ในสภาพการถ่ายพระจันทร์ คงไม่ต้องพูดถึงผลลัพธ์ ภาพสั่นไหว เบลอทุกเฟรม
(ทริปนี้ ใช้กล้องของเพื่อนผม Sony Cybershot DSC W7 กล้อง Compact ขนาดเล็กกะทัดรัด)
คห.1: 22 ธ.ค. 49, 18:32
[b]ภาพที่ 18[/b] เงาตะคุมก่อนรุ่งอรุณ โฟก
ภาพที่ 18 เงาตะคุมก่อนรุ่งอรุณ โฟกัสยังไม่นิ่งเพราะความเร็วชัตเตอร์ต่ำมาก และถือถ่ายด้วยมือ บรรยากาศขณะนั้นดีจริงๆ เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีสีสัน

ไต๋ตื่นมาราวๆ ตี 4 แล้วบอกให้เก็บเบ็ด คนเรือถอนสมอ แล้วเรือก็ได้เวลาท่องทะเลอีกครา คราวนี้จะไปตกปลาที่หมายไหนกัน??

ผมช่วยเก็บสายเบ็ดขึ้นจากน้ำ ก่อนจะเอนลงนอนบนม้านั่งหน้าเก๋งเรือห้องไต๋ นอนลงแทนที่ช่างรินทร์ที่ปีนขึ้นไปนอนที่เก๋งเรือชั้นบน ส่วนผมกะว่าจะนอนเล่นๆ แต่ก็เผลอหลับไป ไต๋เรือเร่งความเร็ว เรือวิ่งปะทะหน้าคลื่น น้ำกระเซ็นเปียกแขนขา และใบหน้า ทำให้หนาวและรำคาญ แต่ก็คร้านเกินกว่าจะลุกขึ้นหนีไปนอนบนเก๋งชั้นบน การนอนข้างหน้าเช่นนี้ โอกาสถูกเรือโคลงและเมาคลื่นหัวรุ่งสูงกว่านอนในเก๋ง แต่นาทีนั้นผมไม่มีทางเลือก นอกจากนอนพลิกหันหน้าเข้าข้างฝาเก๋ง ภาวนาให้รีบถึงที่หมายก่อนผมจะเมาเรือ

ระหว่างที่ประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ ผมเผยอเปลือกตามองที่ปลายเท้า เห็นตีนฟ้าเปิดโล่ง ใกล้สว่างเต็มทีแล้วหรือนี่?
คห.2: 22 ธ.ค. 49, 18:34
[b]ภาพที่ 19 [/b] ภาพบรรยากาศยามเช้าอีกภา
ภาพที่ 19 ภาพบรรยากาศยามเช้าอีกภาพหนึ่ง ค่อนข้างสว่างจนเร่งความเร็วชัตเตอร์ได้มากขึ้น ทำให้ภาพคมชัด ได้บรรยากาศมากขึ้น

หันหน้ากลับไปมองทางทิศตะวันออกที่เรือมุ่งสู่ โอ แสงสีทองเรืองรองที่ขอบฟ้าหรือนั่น สวยงามจับตา ผมลุกขึ้นนั่ง และบันทึกภาพอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่ทันสว่างดี จนตะวันโผล่พ้นยอดเกาะอาดัง เป็นห้วงเวลาที่รู้สึกเต็มอิ่มกับบรรยากาศยามเช้า

ในขณะที่ผมประหวั่นพรั่นพรึงกับคลื่นลูกโตยามเช้า ผมกลับพบแสงสีทองของรุ่งอรุณที่งามจับตา

แทนที่จะคาดหมายถึงการได้ขึ้นเกาะ และลงว่ายน้ำ วันนี้ผมคาดหมายว่าเราจะต้องเข้าหมายตกปลา เหยื่อหมึกเป็นยังมีเหลือเกินพอ เวลาเรายังมีเหลือเกินพอ คำของคนตกปลาว่า ตราบใดที่สายเบ็ดพร้อมเหยื่อยังแช่อยู่ในน้ำ ตราบนั้นยังมีความหวัง ผมเตรียมผูกเบ็ดโสกอีกครั้งหนึ่ง แถมด้วยการเกี่ยวเหยื่อหมึกชิ้นไว้เตรียมพร้อม เมื่อเสร็จแล้วก็นั่งมองทิวทัศน์ยามเช้า และเก็บภาพลงกล้องดิจิตอล

เปิดดูปลาในลังแช่ปลา แม้ว่าทริปนี้คุยกันก่อนลงเรือแล้วว่า จะไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ปลาอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็รู้สึกว่า ทำไมได้ปลาขึ้นมาน้อยเหลือเกิน เราห่างไกลความสำเร็จกระนั้นหรือ คืนที่เป็นโอกาส เวลาที่ดีผ่านไปแล้ว โดยที่เราไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่เพื่อนร่วมทริปก็คงเต็มที่แล้ว เพื่อนผมเองนั้น โอ๋บอกว่าที่หลับไปก่อนนั้น เพราะเป็นไข้
คห.3: 22 ธ.ค. 49, 18:36
[b]ภาพที่ 20 [/b]  ท้องฟ้าก็มีเรื่องราวเล่
ภาพที่ 20   ท้องฟ้าก็มีเรื่องราวเล่าขานแต่เช้าตรู่ เรื่องราวที่เล่าบนก้อนเมฆ บนสีสันอันแพรวพราย

ไม่วาดก็เหมือนหวัง คืนที่น่าจะเป็นโอกาสดีผ่านไปแล้ว บางทีกลางวัน วันนี้อาจจะเป็นวันของเราก็ได้ หรือถ้าหากไม่มีโชคจริงๆ ก็คิดว่า เราเอามาเที่ยวทะเลอย่างเดียวก็แล้วกัน จะว่าไปแล้ว เรือทะเลดำให้อิสระแก่นักตกปลาอย่างพวกเราเต็มที่ เราสามารถเลือกตกปลาได้ทุกวิธีที่เราคิดว่าจะได้ปลา แต่แล้วทุกเทคนิค ไม่ว่าจะเป็น ลงสายเหยื่อหน้าดิน ทั้งตกปลากลางวัน และปลากลางคืน การลอยสายปลากลางน้ำ การใช้เบ็ดโสก การเลือกเหยื่อ กระทั่งการจิ๊กกิ้งหน้าดิน แต่ทุกๆเทคนิคยังไม่มีผลสำเร็จ

เกือบๆ 7 โมงเช้า เรือยังคงมุ่งหน้าสู่เกาะอาดังที่อยู่ไกลออกไป จุมโพ่มาเลือกปลาหางแข็ง 4-5 ตัวออกจากลังแช่ปลา เมนูเช้านี้ยังเป็นข้าวต้มเช่นเดิม
คห.4: 22 ธ.ค. 49, 18:40
[b] ภาพที่ 21 [/b] เกาะที่เห็นระหว่างทางเป
ภาพที่ 21 เกาะที่เห็นระหว่างทางเป็นเหมือนภูเขาขนาดย่อม จะเห็นหินก้อนใหญ่ๆ บนเกาะก็เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว

ระหว่างทาง เราผ่านเกาะอีกหลายแห่ง สีเขียวขจีของต้นไม้บนเกาะ ยิ่งเพิ่มความสบาย ความสดชื่น


บนเส้นทางสู่เกาะอาดัง เพื่อนชี้ให้ดูเกาะไข่ที่อยู่ใกล้กว่า และพอเรือแล่นใกล้เข้าไป น้ำเริ่มตื้น คะเนว่าที่ระดับน้ำลึก 5 เมตร ก็มองเห็นพื้นทะเลแล้ว นับว่าน้ำใสมากจริงๆ หาดทรายที่มีพื้นที่ไม่มากนักบนเกาะก็ขาวละเอียดตา
คห.5: 22 ธ.ค. 49, 18:43
[b] ภาพที่ 22 [/b] หาดทรายของเกาะไข่ เห็นท
ภาพที่ 22 หาดทรายของเกาะไข่ เห็นทรายขาวละเอียด ไล่เฉดสีกับน้ำทะเลสีใส ก่อนจะกลายเป็นฟ้าเมื่อน้ำลึกขึ้น โดยมีเกาะอยู่ใกล้ๆ

เกาะไข่ ระเริงเล่นน้ำ สัมผัสโลกใต้ทะเล

เมื่อเรือแล่นเข้าเกาะ เกือบเกยตื้น เพื่อนก็บอกว่า เดี๋ยวลงเล่นน้ำ-ขึ้นหาดทรายกัน ไม่ต้องพูดซ้ำ ผมรีบขึ้นไปเก๋งชั้นบน เปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำ และหยิบแว่นตาว่ายน้ำมาสวมไว้ ก่อนจะเตรียมถุงพลาสติกใส่กล้อง แล้วว่ายน้ำขึ้นเกาะ
คห.6: 22 ธ.ค. 49, 18:47
[b] ภาพที่ 23 [/b] เพื่อนร่วมทริปลงเล่นน้ำ
ภาพที่ 23 เพื่อนร่วมทริปลงเล่นน้ำทะเล ฉากหลังคือ เรือทะเลดำ เรือที่พาพวกเราท่องทะเลตกปลา จะเห็นว่าน้ำทะเลนั้นใสมากๆ


สัมผัสแรกที่เท้าเหยียบผืนทรายนั้นบอกได้ว่านุ่มเท้า เพราะทรายละเอียดยิ่งนัก หาดทรายสะอาด แม้ว่าจะมีรอยเท้าอื่นปรากฎบนผืนทรายมาก่อนบ้างก็ตาม น้ำทะเลที่ริมฝั่งสีใส ห่างฝั่งไกลตาออกมาเริ่มเป็นสีเขียวอ่อนก่อนเป็นสีฟ้า มีหาดทรายขาวเป็นจุดนำสายตา ไล่เฉดสีได้งามตา

คห.7: 22 ธ.ค. 49, 18:49
[b] ภาพที่ 24 [/b] โค้งหาดทรายที่โค้งเข้าไ
ภาพที่ 24 โค้งหาดทรายที่โค้งเข้าไปทะเล กลายเป็นความอ่อนโยนสู่จิตใจ ที่ธรรมชาติมอบให้

เกาะไข่นี้เป็นเกาะที่นักดำน้ำชื่นชมและชื่นชอบที่จะมาดำน้ำที่นี่ พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง ได้มาเดินบนผืนทราย ได้ลงว่ายน้ำ จึงรู้คำตอบ

เพื่อนร่วมทริปต่างลงเล่นน้ำ สัมผัสความสดชื่นของอากาศยามเช้า รื่นเริงกับการเล่นน้ำทะเลยามเช้าถ้วนหน้า ผมเองพยายามเก็บภาพไว้ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ มาไว้ดู หลังจากถ่ายภาพจนพอใจ ผมจึงให้กล้องเพื่อนไป แล้วตัวเองก็ลงไปว่ายน้ำ

พลันที่ผมว่ายดำลงไปในน้ำ สายตากวาดมองไปยังพื้นทราย ก้อนหิน วัตถุ และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ผมตะลึงกับภาพที่ตัวเองเห็น ทุกอย่างประกอบกันเป็นชีวิตใต้น้ำที่สมบูรณ์แบบมากภาพหนึ่งทีเดียว ปลาทะเลสวยงามว่ายกันเป็นหมู่ก็มี ว่ายตัวเดียวก็มี ปลาเล็กๆบางฝูงลัดเลาะอยู่ตามซอกหิน บางฝูงไล่กินแพลงตอน สาหร่าย ที่เกาะตามหิน ปลาตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยสีสันสวยงาม และไม่ตกใจ ว่ายด้วยลีลาสบายๆที่บริเวณติดผืนทราย สวยงามยิ่งกว่าตู้ปลา สักพักผมปลดแว่นว่ายน้ำให้คนอื่นลองสัมผัสกับโลกใต้น้ำดูบ้าง หลังจากเวียนให้เพื่อนร่วมทริป 2 -3 คน เมื่อได้แว่นคืน ผมจึงว่ายไกลออกไปจากฝั่ง การว่ายน้ำในทะเลแตกต่างจากสระน้ำก็ตรงนี้ ตัวเราจะลอยน้ำเพราะความหนาแน่นของน้ำทะเลมากกว่าน้ำในสระ ผมพยายามใช้ท่าที่จะว่ายลงไปหน้าดินให้ได้ แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงได้แต่ว่ายฟรีสไตล์ ก้มหน้าลงน้ำ มองทิวทัศน์ใต้น้ำแทน เป็นห้วงเวลาที่เพลิดเพลินจนลืมไปว่ามาตกปลา โอ หรือนี่คือเศษเสี้ยวของสุนทรีย์ของการชมโลกใต้น้ำที่นักดำน้ำหลายคนติดอกติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น
คห.8: 22 ธ.ค. 49, 18:50
[b] ภาพที่ 25 [/b] เกาะไข่ ถ่ายภาพนี้จากบน
ภาพที่ 25 เกาะไข่ ถ่ายภาพนี้จากบนเรือ จะเห็นหาดทรายขาว เกาะไข่เป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่นัก มีหาดทรายระยะสั้นๆ เพียงด้านเดียว

ไม่แปลกใจที่ ท่าเรือปากบารา นอกจากเรือประมงประเภทต่างๆ เรือเมล์ เรือตรวจการณ์ของกรมประมง และตำรวจน้ำ แล้วที่พบเห็นได้บ่อยคือ เรือบริการพานักท่องเที่ยวโลกใต้น้ำ สังเกตง่ายๆ เรือพวกนี้มักมีถังอ๊อกซิเจนวางไว้จำนวนมาก

ใช้เวลาอยู่ที่เกาะไข่ ราวๆ 2 ชั่วโมง เพื่อนก็ชวนออกเดินทางสู่หมายตกปลาต่อ ก่อนที่จะสาย ผมว่ายน้ำหลายรอบ พอขึ้นเรือจึงผ่อนคลายเป็นพิเศษ ยืนใส่กางเกงว่ายน้ำ วันพีช โต้ลมที่หัวเรืออยู่เช่นนั้น รอจนทุกคนอาบน้ำจืดเสร็จ จึงได้ไปอาบน้ำบ้าง โอ้ สุดยอดของความสดชื่นจริงๆครับ อาบน้ำเสร็จ ผมคุยกับเพื่อน เจ้าของทริปและไต๋เรือว่า เกาะและหาดทรายสวยจริงๆ ผมรู้สึกขอบคุณเพื่อนและไต๋ที่วางแผนได้เหมาะเจาะ เหมาะเวลา ครับ ไปเกาะไข่ เวลาเช้า ฝั่งหาดทราย สะท้อนกับแดดในมุมที่เหมาะสมสำหรับการดูภาพใต้น้ำ หรือการอาบแดดบนชายหาด

คห.9: 22 ธ.ค. 49, 18:53
[b]ภาพที่ 26 [/b]หาดทรายโค้งไปตามแนวรอบเ
ภาพที่ 26 หาดทรายโค้งไปตามแนวรอบเกาะ รับกับโค้งของน้ำทะเล นี่คือธรรมชาติปั้นแต่งโดยแท้

เรือแล่นออกไปอีกด้านของเกาะ คือ เข้าเกาะด้านทิศตะวันตก แล้ววนอ้อมซ้ายออกไปทางทิศตะวันออก ผมพบว่า เกาะไข่ ถ้าจะมองให้สวยงาม ต้องมองโดยยืนอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ จะได้รูปทรงของเกาะที่สวยงาม ประดับไว้ด้วยหาดทราย และจะเห็นซุ้มประตูหินธรรมชาติบนเกาะที่เพิ่มความสวยงามอีก ไต๋เรือคงมองเห็นและวางแผนไว้แล้ว จึงพาเราเข้าไปทางนี้
คห.10: 22 ธ.ค. 49, 18:54
[b] ภาพที่ 27 [/b] อีกมุมหนึ่งของหาดทรายบน
ภาพที่ 27 อีกมุมหนึ่งของหาดทรายบนเกาะไข่ ถ่ายย้อนไปในทิศทางที่เรือแล่นเข้ามา ฉากหลังคือ เกาะที่อยู่ด้านทิศเหนือของเกาะไข่

เกาะบางเกาะ จะดูให้สวยต้องมองเฉพาะบางด้านเท่านั้นครับ และถ้าเข้าผิดด้านก็หมายถึงจะเจอกับหน้าผา แทนที่จะเป็นหาดทราย เกาะเขาใหญ่เป็นตัวอย่าง ด้านหนึ่งเป็นหาดทรายเวิ้งว้าง แต่ด้านตรงข้ามกลับเป็นหน้าผาชัน กระนั้นก็ตาม อย่าได้คิดว่าหน้าผาสูงชันจะไร้เสน่ห์ หลายคนเลือกปีนหน้าผาหาความเร้าใจ และหลายคนก็เลือกที่จะไปชมความงดงามของชั้นหินที่เรียงชั้นบนหน้าผา มันขึ้นกับว่า เราจะมองอย่างไรให้มันสวยงาม หรือจะใช้ประโยชน์มันในด้านไหน หลายๆ เรื่องในโลกก็เป็นเช่นนี้ หน้าผาเป็นเรื่องราวน่าหวาดกลัว เป็นการจบสิ้นแล้วสำหรับคนบางคน แต่กลับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ฟันฝ่าให้กับอีกหลายคน

คห.11: 22 ธ.ค. 49, 18:56
[b]ภาพที่ 28 [/b] ซุ้มประตูหินบนเกาะไข่ ที
ภาพที่ 28 ซุ้มประตูหินบนเกาะไข่ ที่ซึ่งใครไปถึงก็ถ่ายรูปกับซุ้มประตูหินนี้ ผลงานอันสวยงามที่สร้างโดยธรรมชาติเช่นกัน

เพื่อนคนอื่นกินข้าวต้มปลากันอิ่มหนำแล้ว เหลือแต่ผม แต่ความระโหยจากการว่ายน้ำ ทำให้ไม่นึกอยากกินข้าว เปิดหม้อดู ถั่วเขียวต้มน้ำตาลยังเหลืออีกราวๆ 2-3 ถ้วย ผมกินหมดหม้อ!

คห.12: 22 ธ.ค. 49, 19:00
[b] ภาพที่ 29 [/b] คืนฝั่ง ตรงกลางที่เห็นค
ภาพที่ 29 คืนฝั่ง ตรงกลางที่เห็นคือ อุปกรณ์เตือนภัยสึนามิ เพื่อนผมถ่ายภาพนี้ ขณะเรือกำลังแล่นอ้อมเกาะเขาใหญ่ เพื่อเข้าฝั่ง

หนึ่งอินทรี หนึ่งฉาก และจบฉากทริปปากบารา

ปล่อยให้แดดไล้ผิว ลมตีเข้าหน้าสักชั่วโมงก็ถึงหมายตกปลา ด้วยความที่เตรียมเบ็ดโสกไว้พร้อมแล้ว ผมจึงเป็นคนแรกที่ลงเบ็ด แล้วก็ไม่ผิดคาด ผมได้ปลาสลิดหิน (ภาษาบ้านผม ระยอง เรียก ปลาใบขนุน ที่ปากบารา เขาเรียก ปลาแก่แดด) ขนาดโตพอประมาณ ปลานี้นับว่าเป็นปลาที่เนื้อใช้ได้ ทอดกรอบจิ้มน้ำพริก หรือแกงส้มก็อร่อย หรือจะต้มส้มมะขามอ่อนก็ยังไหว แต่ข้อควรระวังก็คือ ครีบหนามของมันนั้น ถ้าหากโดนตำเข้าล่ะก็ ว่ากันว่า มีพิษสงไม่แพ้เงี่ยงปลาดุกทีเดียว
คห.13: 22 ธ.ค. 49, 19:02
[b] ภาพที่ 30 [/b] เก๋งเรือชั้น 2 ซึ่งผมและเ
ภาพที่ 30 เก๋งเรือชั้น 2 ซึ่งผมและเพื่อนร่วมทริปอีก 4 คนใช้เป็นที่นอน หลังจากอิ่มจากข้าวต้มมื้อเช้า โอ๋เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็หยิบกีตาร์มาบรรเลงเพลง

พอผมได้ปลาสลิดหินขึ้นมา หลายๆคนก็หันเข้าตกปลาด้วยเบ็ดโสกกันเพื่อหวังตัว แล้วก็ได้ปลาสลิดหินขึ้นมากันถ้วนหน้า

เพื่อนผมกับช่างรินทร์ ลงสายลอยด้วยลูกโป่ง เราคาดหวัง ปลาใหญ่จำพวก ปลาสาก ปลาอินทรีกับการตกสายลอยเช่นนี้
คห.14: 22 ธ.ค. 49, 19:04
[b]ภาพที่ 31 [/b] ช่างรินทร์กับปลาสากตัวแ
ภาพที่ 31 ช่างรินทร์กับปลาสากตัวแรกของทริปในวันที่ 3 สากดำเนื้อไม่อร่อยเท่ากับสากเหลือง แต่ก็ทำกับข้าวได้

อย่างที่บอกแล้วว่า นั่งคุยๆกันระหว่างเพื่อนร่วมทริป ทริปนี้ไม่ประสบความสำเร็จในด้านปริมาณของปลาที่น่าจะตกได้เลย ก่อนลงเรือ เราได้ข่าวถึงเก๋าขนาดใหญ่ แดงเขี้ยว สาก อินทรี ช่อนทะเล โฉมงาม แต่เมื่อลงทะเลแล้ว กลับไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆ อาจจะมองอีกมุมว่า ปลาเนื้อดีเหล่านี้ถ้าหากไปหาซื้อในตลาดมีเงินก็พอหาซื้อได้ แต่ความสดและรสชาตินั้นผิดกันไกลกับปลาสดๆที่ตกขึ้นจากทะเล

สักพักใหญ่ ช่างรินทร์ก็วิ่งเข้าหาคันเบ็ดของตัวเองที่ปักอยู่ท้ายเรือ พร้อมทั้งวัดปลาในขณะที่สายยังถูกลากออกไปจากรอก เพื่อนร่วมทริป 3-4 เข้ามุงดูด้วยความตื่นเต้น เพราะบางคนไม่เคยลงทะเลมาก่อน ผ่านไปไม่นานนัก สากดำขนาด 6 กิโลกรัมก็ถูกคมตะขอเกี่ยวขึ้นบนเรือ ค่อยเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าจากเพื่อนร่วมทริปได้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นปลาใหญ่หนึ่งตัวในทริปนี้ ไต๋เรือ ช่างรินทร์ และ ดีน ซึ่งออกทะเลประจำ พูดกันว่าปลาสากไม่น่าจะเพียงตัวเดียว เพราะหากินเป็นฝูง ทำให้ทุกคนหวังว่าจะเห็นปลาตัวต่อไปถูกตกขึ้นมา การมองโลกในแง่ดีและมีความหวังยังคงเป็นเสมือนแสงไฟนำทางยามค่ำคืน และเป็นรอยยิ้มและกำลังใจในกลางวันที่ร้อนด้วยแดดเช่นนี้
คห.15: 22 ธ.ค. 49, 19:06
[b]ภาพที่ 32 [/b] ช่างรินทร์กับปลาอินทรีข
ภาพที่ 32 ช่างรินทร์กับปลาอินทรีขนาดกลาง ตัวเดียวของทริปนี้

ผมขี้เกียจหั่นหมึกให้เปื้อนมือ คัน 6 ฟุต กับรอกอาบูร็อคเก็ตที่ใช้ตกเบ็ดโสกจึงเปลี่ยนเป็นสายลอยเพื่อหวังผลกับอินทรีบ้าง ผมใช้ปลาสีกุน (ทางใต้เรียกปลาเซ็กล่า) ขนาดย่อมๆเป็นเหยื่อ โดยมีความหวังอยู่ที่ปลาอินทรี

เรื่องชื่อปลาเซ็กล่านี้ ผมเห็นปลาสละเค็มที่ตลาดตรัง ก็เลยถามเพื่อนว่า เขาเรียกว่าปลาอะไร แถวบ้านผมเขาเรียกสละ เป็นพี่น้องกับเสลียบ เพื่อนบอกว่า นี่มันปลาเซ็กล่าเค็ม ผมก็แปลกใจ เซ็กล่าไม่ใช่เรียกเฉพาะปลาสีกุนหรือ ?? กลับมาค้นหาข้อมูลจึงได้รู้ว่า สละก็ถือเป็นปลาตระกูลเดียวกับสีกุน

แม้ว่าจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ กับการลอยสายที่ท้ายเรือของผม แต่เมื่อท้ายเรือไม่มีที่ปักคันเบ็ดเหลือให้ปักคัน ผมก็เลยนั่งถือคันเตรียมจู่โจมปลา ผ่านไปราวๆ 10 นาที รอก Penn ของช่างรินทร์ส่งเสียงร้องว่ามีสายเอนกำลังถูกลากออกจากรอก ผมยังห่วงคันเบ็ดของตัวเอง จึงได้แต่ยืนมองคันของช่างรินทร์ที่โค้งตัวลงน้ำ พร้อมกับรอกส่งเสียงยาว ลูกโป่งที่ผูกลอยสายไว้หลุดลอยไปไกลแล้ว ช่างรินทร์วิ่งมาจากหัวเรือ วัดสาย ปลาติดเบ็ดแต่ยังลากสายออกไปอีก ช่างรินทร์ยืนยันว่าอินทรีแน่นอน พลางกรอสายเข้า ต่อสู้กับตัวปลาสาย ผ่านไปไม่กี่อึดใจ อินทรีน้ำหนัก 7 กิโลกรัม ก็ถูกตะขอเกี่ยวขึ้นเรือ ครับ การได้ปลาใหญ่ในห้วงเวลาครึ่งชั่วโมง ยิ่งทำให้พวกเรามีความหวัง

ในแนวเดียวกับเรือทะเลดำ ก็มีเรือตกปลาลำอื่น ทยอยมาตกปลาอยู่ในระยะไม่ห่างนัก ดูเหมือนทุกลำจะรู้ว่านี่คือหมายที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เมื่อลำหนึ่งได้ปลา ไม่เพียงแค่จุดความหวังให้กับนักตกปลาในเรือลำนั้น แต่จะจุดประกายความฝันให้นักตกปลาลำข้างเคียงด้วย แม้ถึงที่สุดแล้ว ทุกคนจะแขวนความหวังนั้นไว้กับโชคชะตาก็ตาม

สากดำ 1 ตัว อินทรี 1 ตัว พอให้กำลังใจเพื่อนร่วมทริปได้บ้าง บางวูบผมเองก็หวังเหมือนกันว่า ตัวต่อไป อาจจะเป็นทีของผม ยิ่งในห้วงเวลาที่ใช้คันเล็กๆกับรอกเล็กๆแบบนี้ ยิ่งอยากจะพิสูจน์ว่าจะเร้าใจสักเพียงใด
คห.16: 22 ธ.ค. 49, 19:08
อาจจะโชคดีอยู่บ้าง ที่ทริปการออกตก
อาจจะโชคดีอยู่บ้าง ที่ทริปการออกตกปลาทะเลแต่ละทริปที่ผมออก มักไม่ได้ไปเพื่อแข่งขันกัน หรือแย่งกันตกปลาในเรือลำเดียวกัน แย่งตำแหน่งตกปลาดี แต่เป้าหมายของเราเป็นปลารวม แบ่งปลาแบ่งความรู้สึก ใครถนัดตกแบบไหน หรืออยากตกแบบไหนก็ตกแบบนั้น ทำให้ไม่รู้สึกกดดัน จิตใจก็ผ่อนคลายในระดับหนึ่ง เพื่อนผมเคยบอกว่า ทำงานก็แข่งขันกันเพียงพอแล้ว อย่ามาสร้างความเครียดโดยการแก่งแย่งแข่งขันกันตกปลาเลย ให้เป็นเรื่องของการพักผ่อนดีกว่า

ทริปนี้ถ้าหากผมเงียบไป ก็มีเพื่อนเดินมาเช็คเป็นระยะ ๆ ว่ายังอยู่ดีหรือไม่ เมาเรือหรือยัง กินยากันเมาเรือหรือยัง ถ้าเมาเรือจะได้นอน ถอนเมาจะได้หาอะไรกินรองท้อง แล้วไปสนุกกับการตกปลาต่อ

มื้อกลางวันนี้ เรามีต้มยำปลาตระกูลกะพงข้างลาย ผัดหมึกกับหอมหัวใหญ่ คะน้าปลาเค็มแดดเดียว (ไม่รู้ปลาอะไร ผมคาดว่าหางแข็ง) ฝีมือบังฟูดี จุมโพ่เรือทะเลดำ ใช้ได้ทีเดียวครับ ทุกคนอิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันกันถ้วนหน้า

พ้นจากอินทรี ฝูงปลาดูเหมือนหายไปจากท้องทะเลที่เราลอยเรืออยู่ มีเพียงเต็กเล้งที่ฉวยเหยื่อปลาหมึกที่เพื่อนผมลอยอินทรีไว้ 1 ตัว เป็นตัวปิดทริป ก่อนเพื่อนจะบอกให้ไต๋เรือถอนสมอ กลับเข้าฝั่ง

เรือแล่นกลับเข้าฝั่ง โดยย้อนผ่านเข้าสู่เขตตะรุเตา ผมนั่งมองไปบนเกาะตะรุเตา สมัยค่าเรือถูกๆ ผมเคยนั่งรถจากกรุงเทพฯ มาตะรุเตาบ่อยๆ เส้นทางเดินป่าบนเกาะตะรุเตานับว่าทรหดดีทีเดียว ยังจำการเดินขึ้นๆ ลงๆ บนทางลาดยาง ส่งผลให้ปวดน่อง ปวดขาได้เป็นอย่างดี

ห้วงเวลานี้ ท้องทะเลเงียบสงบดีเหลือเกิน ผมเก็บคันเบ็ด ล้างด้วยน้ำจืด ทั้งคันเบ็ดและรอกตกปลา ก่อนจะแพ็คเข้าถุงเก็บคัน แล้วนั่งมองทะเลอยู่เงียบๆ รอบๆ ตัวรายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสตูลแม้ว่าจะเป็นวันที่ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีนัก

อาจจะบางที ผมอาจจะได้มาเยี่ยมเยียน ตกปลาแถวนี้อีก

บางครั้ง สำหรับผมเอง พอคิดว่าจะออกเดินทางแบบนี้ก็เริ่มไหวหวั่น ลังเลเหมือนกัน ใจหนึ่งบอกไม่ถูกว่า เราจะไปทำอะไร ไปเผชิญคลื่นลมทำไม อีกใจหนึ่งก็อยากเผชิญโชคชะตา อาจจะเป็นปลาตัวใหญ่ ฟ้าสีฟ้าที่ตัดกับทะเลสีคราม อาจจะเป็นตะวันที่โผล่ขึ้นเหนือขอบทะเลในยามเช้าและสาดแสงทองลงบนผืนน้ำ หรืออีกที อาจจะเป็นคลื่นลมกระหน่ำ เมาเรือจนโงหัวไม่ขึ้น

แต่ทุกอย่างล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมาย ก่อนเรือถึงฝั่ง เพื่อนผมที่นั่งเงียบๆอยู่ใกล้ๆ ถามขึ้นมาว่า ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่ออะไร แท้จริงแล้วเรามีจุดมุ่งหมายอย่างไร ผมเงียบ บางทีเราก็โตกันจนคิดว่า บางคำถาม หลายๆคนมีคำตอบให้กับตัวเองอยู่แล้ว หรือไม่ก็สามารถลองคิดใคร่ครวญได้
คห.17: 22 ธ.ค. 49, 19:51
นานๆมาที  ยังพรรณาได้ "แจ่ม" เหมือนเดิมนะครับ  น้าผิว     
คิดถึงตอนที่ออกทริปด้วยกันจังเลย 
คห.18: 22 ธ.ค. 49, 20:02
คห.19: 22 ธ.ค. 49, 20:31


...........อ่านปัยดูปัย ได้อรรถรส ดีกั๊บ ^^

trophy(4982 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.20: 22 ธ.ค. 49, 21:54
ตามมาอ่านจนจบ เหมือนอ่านหนังสือจบเล่มเลยครับ 
นิด(55 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.21: 22 ธ.ค. 49, 22:52
อ่านจบจนได้
คห.22: 22 ธ.ค. 49, 22:57
footfish(9172 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.23: 22 ธ.ค. 49, 23:13
ว้าว....สวยจัง...
คห.24: 23 ธ.ค. 49, 09:46
สุดยอด ครับ น้าผิวไผ่
feen(407 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.25: 23 ธ.ค. 49, 09:52
รูปสวย...ทำให้ซึมซับบรรยากาศได้ดี
บรรยายเยี่ยม...ยิ่งทำให้เหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ

ยอดเยี่ยมครับน้าผิวไผ่ 
12>
siamfishing.com © 2024