เหรียญพหูรมาน ระเบิดใส่ รอดราวปาฏิหาริย์ ตามข่าวที่ลง และอื่นๆ : ตลาดอุปกรณ์ตกปลา Fishing Gear Market
ตลาด
คห. 4 อ่าน 272
เหรียญพหูรมาน ระเบิดใส่ รอดราวปาฏิหาริย์ ตามข่าวที่ลง และอื่นๆ
ตั้ง: 4 ส.ค. 68, 11:33
เหรียญพหูรมาน ระเบิดใส่ รอดราวปาฏิหาริย์  ตามข่าวที่ลง และอื่นๆ
สภาพ: สวยๆ
ราคา: ข้างใน บาท
วิธีการจอง: ผู้ประกาศจะเป็นผู้ตัดสิน
แก้ไขความเห็น: แก้ไขความเห็นไม่ได้
ผู้มีสิทธิแสดงความเห็น:
 สมาชิกทั่วไป
 เป็นสมาชิกมาแล้วอย่างน้อย 7 วัน
 Feedback Score อย่างน้อย 0 คะแนน
 ภายใน 1 ปีได้รับ Feedback ลบไม่เกิน 1 ราย
เหลือเวลาแสดง: หมดเวลาแล้ว
ข้อมูลจะถูกเก็บไว้จนถึง: 2 ธ.ค. 68, 11:33
ชื่อตามบัตร: *********
(โอนเงิน บ/ช นี้เท่านั้น)
ติดต่อ: 094-9241542
สนใจโทร  094-9241542  นัท

ธนาคารกสิกร  0208416286

ธีรศักดิ์  ปานันตา

1  เหรียญพหูรมาน ระเบิดใส่ รอดราวปาฏิหาริย์  หลวงปู่ศิลา    ราคา 1950 ส่ง 50

สภาพสวยๆ ไม่ผ่านใช้ พร้อมกล่องเดิม เนื้อชนวน เหรียญประสบการณ์ทหารไทย  ในตอนนี้    ซึ่งปัจจุบันตอนนีมีของเก๊ออกมาเยอะมากครับ  มีรับประกันแท้หากเช็กแล้วเก๊ คืนเงินเต็มจำนวน


เหรียญวัตถุมงคล “หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” รุ่น “พหูรมาน”  หลังแม่ทัพภาค2 ร่วมจัดสร้างแล้วนำแจกเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารแนวหน้า ก่อนที่หนึ่งในทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนจะถูกทหารกัมพูชายิงระเบิดใส่ แต่สุดท้ายรอดราวปาฏิหาริย์

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกโซเชียล มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ผดุงเกียรติ ฉวีวงศ์” ได้โพสต์รูปทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา แล้วเกิดการปะทะกัน ก่อนที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจะยิงระเบิดใส่ทหารไทย แต่มีทหารนายหนึ่งที่พกวัตถุมงคล “หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” ซึ่งพบว่ามีเพียงกล่องใส่พระที่ถูกสะเก็ดระเบิด แต่สะเก็ดระเบิดไม่ได้เข้าไปโดนเหรียญที่อยู่ด้านใน จนทำให้มีการแชร์รูปดังกล่าวจำนวนมาก พร้อมกับกล่าวถึงความเข้มขลังของเหรียญวัตถุมงคลดังกล่าว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่  มติชน
- โอนเงินเข้าบัญชีชื่อ ********* เท่านั้น
- ระวังการให้ติดต่อทาง LINE เพื่อแจ้งบัญชีโอนเงินอื่น
- หากผู้ประกาศแจ้งชื่อบัญชีที่ไม่ใช่ชื่อ ********* หรือแจ้งเฉพาะหมายเลขบัญชีแต่ไม่แจ้งชื่อบัญชี ให้ท่านปฏิเสธการชำระเงิน และแจ้งเรื่องมาที่ webmaster
- ตั้งแต่วันที่ 1/4/2561 เป็นต้นไป การลงขายสินค้ามูลค่า 3,000 บาทขึ้นไป ควรมี ภาพถ่ายสินค้าที่ถ่ายคู่กับบัตรประชาชน อย่างน้อย 1 ภาพ หากผู้ขายไม่ได้ลงภาพถ่ายคู่ฯ ผู้ซื้อมีสิทธิที่เรียกขอดูภาพถ่ายคู่ฯ ได้ และหากผู้ขายไม่ส่งภาพให้ ผู้ซื้อมีสิทธิจะปฎิเสธการชำระเงินได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการทิ้งการจอง
แก้ไข 4 ส.ค. 68, 11:42
คห.1: 4 ส.ค. 68, 11:33
1  เหรียญพหูรมาน ระเบิดใส่ รอดราวปาฏ
1  เหรียญพหูรมาน ระเบิดใส่ รอดราวปาฏิหาริย์  หลวงปู่ศิลา    ราคา 1950 ส่ง 50

สภาพสวยๆ ไม่ผ่านใช้ พร้อมกล่องเดิม  เนื้อชนวน  เหรียญประสบการณ์ทหารไทย  ในตอนนี้    ซึ่งปัจจุบันตอนนีมีของเก๊ออกมาเยอะมากครับ  มีรับประกันแท้หากเช็กแล้วเก๊ คืนเงินเต็มจำนวน


เหรียญวัตถุมงคล “หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” รุ่น “พหูรมาน”  หลังแม่ทัพภาค2 ร่วมจัดสร้างแล้วนำแจกเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารแนวหน้า ก่อนที่หนึ่งในทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนจะถูกทหารกัมพูชายิงระเบิดใส่ แต่สุดท้ายรอดราวปาฏิหาริย์

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกโซเชียล มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ผดุงเกียรติ ฉวีวงศ์” ได้โพสต์รูปทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา แล้วเกิดการปะทะกัน ก่อนที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจะยิงระเบิดใส่ทหารไทย แต่มีทหารนายหนึ่งที่พกวัตถุมงคล “หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” ซึ่งพบว่ามีเพียงกล่องใส่พระที่ถูกสะเก็ดระเบิด แต่สะเก็ดระเบิดไม่ได้เข้าไปโดนเหรียญที่อยู่ด้านใน จนทำให้มีการแชร์รูปดังกล่าวจำนวนมาก พร้อมกับกล่าวถึงความเข้มขลังของเหรียญวัตถุมงคลดังกล่าว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่  มติชน
แก้ไข 4 ส.ค. 68, 11:42
- โอนเงินเข้าบัญชีชื่อ ********* เท่านั้น
- ระวังการให้ติดต่อทาง LINE เพื่อแจ้งบัญชีโอนเงินอื่น
คห.2: 4 ส.ค. 68, 11:35
2    เหรียญบาทพญาครุฑ ปี 2517  เหรียญที่มี
2    เหรียญบาทพญาครุฑ ปี 2517  เหรียญที่มีความขลังในตัว  คัดสวย    169 ส่ง 50

สภาพสวย ๆ คมชัด  ยังพอมีคราบน้ำทองอยูู่  มีรับประกันแท้หากเช็กแล้วเก๊ คืนเงินเต็มจำนวน

เหรียญบาทพญาครุฑ ปี 2517 (เรื่องนี้เป็นความเชื่อ โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)
    ความศักดิ์สิทธิ์ของ"เหรียญบาทพญาครุฑปี๑๗" พกติดตัวไว้ ป้องกันสิ่งลี้ลับ ไม่ต้องผ่านพิธีกรรมการปลุกเสกแต่อย่างใด
    บรรดาพรานป่าจะไม่นิยมแขวนพระเข้าป่า เพราะเชื่อว่า พระเครื่องมีคุณทางเมตตาหรือแคล้วคลาด หากแขวนพระเข้าป่าจะไม่ได้เจอสัตว์ป่าเลย จะแคล้วคลาดไปหมด ด้วยเหตุนั้น พรานป่าจึงไม่คล้องพระเข้าป่า
            พรานสุขเล่าว่า...จะพกถุงพลาสติกใส ซึ่งข้างในบรรจุด้วยยาสูบขี้โย ใบตองอ่อนตากแห้ง เปลือกมะขามไว้บดผสมยาสูบ และมีสิ่งหนึ่งที่พรานสุขใช้เป็นเครื่องราง พกติดตัวเข้าป่าโดยเก็บไว้ในซองยาสูบของแก นั่นคือ..."เหรียญบาทพญาครุฑ" ลักษณะตามภาพประกอบเรื่อง เป็นเหรียญที่แกพกเข้าป่าเป็นประจำ
            การเข้าป่าและพักค้างคืนในป่านั้น พรานลุงสุขบอกว่าเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับ ตามคำเล่าขานของพรานป่าและคนตัดไม้ จากปากต่อปากของพรานป่าและคนตัดไม้ เล่าขานสืบต่อกันมาว่า หากจะนอนในป่า ไม่ว่าบริเวณใดก็ตาม ให้ตอกตราครุฑ โดยตอกให้ด้านที่เป็นรอยครุฑติดไว้เหนือบริเวณที่เราจะนอน ตอกเสร็จแล้วเก็บเหรียญพกไว้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับพรานสุข ในค่ำคืนแห่งการเผชิญกับผีป่านางไม้ พรานสุขเอง ได้ขูดเปลือกโคนไม้ใหญ่ ขูดให้เรียบ แล้วตอกตราครุฑประทับติดไว้ เพื่อป้องกันสิ่งลี้ลับตามคำพรานและคนตัดไม้บอก และก็ได้ผลเป็นที่ปรากฏ...จากเผชิญกับ "ผีป่า..นางไม้.."
      "เหรียญบาทพญาครุฑ" จึงเป็นเครื่องรางที่ผู้เดินป่า พรานไพร คนตัดไม้ พกติดตัวเข้าป่าเพื่อป้องกันสิ่งลี้ลับ...แค่เหรียญบาทตราครุฑเท่านั้น ไม่ต้องผ่านพิธีกรรมการปลุกเสกแต่อย่างใด
            อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผู้เฒ่าท่านหนึ่งเล่าว่า สมัยที่ท่านเคยตัดไม้และล่องไม้ไปตามแม่น้ำปิง ไม้บางท่อนไม่ยอมไหลไปตามกระแสน้ำ บางท่อนอยู่นิ่งลักษณะคล้ายการไหลทวนน้ำ ผู้เฒ่าท่านนี้ จึงเอา "เหรียญบาทตราครุฑ" ตอกลงไปที่หัวไม้ท่อนนั้น ปรากฏว่า ไม้ท่อนนั้นพลิกตัวหมุนกลิ้งไปมาอย่างน่าแปลกประหลาด ก่อนจะไหลไปตามกระแสน้ำ เช่นเดียวกับหมอผีบางท่านหากตรวจพบว่า "ผีสัมภเวสี" เข้ามาสิงสู่ในเสาบ้าน ทำให้คนในบ้านอยู่ไม่เป็นปกติสุข "หมอผี" ก็จะตอกเหรียญตราครุฑให้จมหายไปในเนื้อไม้ทั้งเหรียญ เป็นการสะกดภูตผีให้อยู่ในภพในภูมิ ไม่ให้ออกมารบกวนใคร...และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์เหรียญบาทตราพญาครุฑ ในส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับจากแนวป่าดิบหรือจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันอยู่อีกมาก แล้วแต่นักนิยมป่าหรือท่านใด จะได้พบได้เจอ "เหรียญบาทตราพญาครุฑ" จึงนับว่าเป็นวัตถุที่มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองมากมายนัก
อ้างอิง  บทสัมภาษณ์ ลุงสุข  อดีตพรานป่า เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า อนุสาร อสท พย 2554
เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
แก้ไข 4 ส.ค. 68, 11:36
- โอนเงินเข้าบัญชีชื่อ ********* เท่านั้น
- ระวังการให้ติดต่อทาง LINE เพื่อแจ้งบัญชีโอนเงินอื่น
คห.3: 4 ส.ค. 68, 11:37
ถูกซ่อนไว้โดยผู้ลงประกาศ
คห.4: 4 ส.ค. 68, 11:38
4 สะเก็ดดาว  ราคา  490  ส่ง50

สภาพสวยๆ สมบ
4 สะเก็ดดาว  ราคา  490  ส่ง50

สภาพสวยๆ สมบูรณ์  เป็นทรงเขี่ยว  หายากที่เป็น ทรงแบบนี้    ทำเป็นจี่ห้อยได้ครับ  ชาวบ้านขุดได้  สำหรับนักสะสม  หรือต้องการศึกษาของแท้  มีรับประกันแท้หากเช็กแล้วเก๊ คืนเงินเต็มจำนวน



"อุลกมณี" ศาสตร์เร้นลับ พลังจักรวาลสะเก็ดดาว

เปิดตำนานอำนาจวิเศษของสะเก็ดดาว “อุลกมณี” ศาสตร์แห่งความเร้นลับที่ว่านี้ มีความเชื่อ...ศรัทธากันว่า หากใครได้เข้าถึงสะเก็ดดาวจะช่วยเพิ่มวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ

กล่าวกันว่าสะเก็ดดาว “อุลกมณี” เป็นแหล่งของพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึก ก่อให้เกิดความจดจำที่แม่นยำ ลึกซึ้งหากนำมาใช้ตอนปฏิบัติทำสมาธิจิต

“อุลกมณี” หรือ “สะเก็ดดาว” เป็นวัตถุอาถรรพณ์ตามธรรมชาติ มีพลังในตัวในด้าน “กันไฟ”จึงนิยมนำมาวางที่โต๊ะหมู่บูชาเพื่อป้องกันอัคคีภัยในเรือนของตนนั่นเอง ด้วยเหตุที่ว่าอุกกาบาตทนการเสียดสี ลุกไหม้ รุนแรง ก่อนมาถึงโลกและรอดมาได้ จึงถือว่า มีพลังทนไฟในตัวนั่นเอง

“อุลกมณี” หรือ “tektite” เป็นทรายที่เกิดบนโลกที่เกิดจากการหลอมละลายจากความร้อนจากการพุ่งชนของอุกกาบาต ขณะที่ทรายในบริเวณดังกล่าว หลอมละลายและกระเซ็นขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเกิดการเย็นและแข็งตัวกลางอากาศ ก่อนจะตกกลับคืนสู่พื้นดิน จึงทำให้เกิดรูปร่างหลากหลายแบบ...

รูปแบบที่แตกต่างกันนั้นเกิดจากลักษณะของการกระเซ็นและการตกลงมา ส่วนสีของอุลกมณีที่จะมีความแตกต่างกันออกไปก็มาจากการเกิด ซึ่งขึ้นอยู่กับธาตุที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวที่เกิดการหลอมละลาย มีแร่ธาตุอะไรเข้าไปผสมอยู่ด้วย

พลิกข้อมูลค้นหาในโลกออนไลน์จะพบว่า อุลกมณีที่พบจะมีเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่สีดำทึบคล้ายนิล บางชิ้นมีเนื้อในสีน้ำตาลใส บางชิ้นก็มีเนื้อโปร่งแสงสีเขียว ผิวของอุลกมณีจะเป็นหลุมเล็กๆโดยรอบ รูปลักษณ์สัณฐานของอุลกมณีไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลม ยาวแบน แท่งกลมยาว

ประเด็นน่าสนใจมีว่า...คนไทยบางท่านเชื่อว่าสามารถแบ่งอุลกมณี เป็นชนิดต่างๆตามรูปร่าง เช่น ตัวผู้...จะมีรูปทรงลักษณะเป็นแท่งคล้ายลึงค์ หรือตัวเมีย...จะมีรูปทรงกลม

นอกจากนี้แล้ว...ยังมีข้อมูลด้วยว่ามนุษย์เรารู้จักอุลกมณีมานานแล้ว โดยเชื่อกันว่าเป็นสะเก็ดดาวจากนอกโลก ที่ตกเข้ามายังพื้นผิวโลก

O O O

นาวินทร์ ซ้ายศิริ ผู้ที่มีหินสะเก็ดดาว สะสมตกทอดมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เก็บได้จากพื้นที่ภาคอีสาน กล่าวถึงความเชื่อมาจากโบราณนี้ว่า การได้ครอบครองอุลกมณี เสมือนมีเทพคุ้มครอง

“เชื่อกันว่า...สรรพคุณเหมือนเหล็กไหล เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขาย จึงเรียกว่า แก้วข้าวในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง จะทำให้พืชพันธุ์มีผลผลิตสูง ให้คุณทางด้านบวก”

หรือ...เรียกว่าหินนำโชค ปกป้องคุณไสย มนตร์ดำ //

และ...มีพลังงานเข้า...ออก คือดึงดูดสิ่งดีๆ พลังงานเชิงบวกสูง /มีความเชื่อว่าจะดึงโชคลาภมาสู่ครอบครัวได้ง่าย...เสริมเสน่ห์ให้คนรัก

เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี เพิ่มพลังออร่ารอบๆตัว ทำให้ออร่าเข้มแข็งมั่นคง ปกป้อง คุ้มครองและขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ในต่างประเทศยังมีความเชื่อในหินสะเก็ดดาวไว้อีกว่า...ตำนานจีนโบราณเรียก “หินหมึกของเทพเจ้าสายฟ้า”...ตำนานอินเดียแดงยกย่องสะเก็ดดาวว่าเป็นเครื่องรางที่บอกถึงอนาคต หรือผู้ส่งสาร

เช่นเดียวกับบนเกาะบิลลิตุง ประเทศอินโดนีเซีย บนเกาะนี้มีสะเก็ดดาวทรงหยดน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เรียกว่า เมล็ดพันธุ์สีดำแห่งเวทมนตร์ ซึ่งเกาะนี้มีดีบุกเยอะมากทำให้คนพื้นที่เชื่อว่า หากปลูกสะเก็ดดาวไว้ในดิน จะทำให้มีดีบุกที่อุดมสมบูรณ์

ฟรานซ์ อีดูอาต ซุเอส (Franz Eduard Suess (1867-1941)) นักธรณีวิทยาชาวออสเตรเลีย มีการกำหนดลักษณะของสะเก็ดดาวไว้ว่า องค์ประกอบโดยรวมต้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งก้อน ปริมาณน้ำและสารระเหยอื่นๆ ต้องมีต่ำมาก รวมทั้งองค์ประกอบหลักต้องเป็นแร่ซิลิกาชนิดที่ไม่มีรูปผลึก (Lechatelierite)

ปกติจะไม่มีรูปผลึกขนาดเล็กที่มีชื่อเรียกว่า ไมโครไลต์ (microlites) และต้องมีองค์ประกอบทางเคมีสัมพันธ์กับชนิดหินดานหรือหินตะกอนในบริเวณนั้น โดยมีการกระจายตัวแบบหว่านอยู่บนพื้นที่

O O O

“หินสะเก็ดดาว” ทางด้านพุทธคุณนั้น เนื่องจากสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำขึ้น จึงมีความสะอาดบริสุทธิ์มากสมควรเรียกว่าเป็นดาวนำโชคแก่ผู้ที่มีไว้กับตัวอีก

ผู้รู้คนในแวดวงเล่าลือกันว่าด้วยพลังความบริสุทธิ์ที่ว่านี้หินสะเก็ดดาวยังสามารถใช้ป้องกันคุณไสยมนตร์ดำ ภูตผีปีศาจต่างๆมิให้มากล้ำกรายได้

“การเดินทางที่ยาวไกลนี้เองทำให้อัญมณีชนิดนี้ ซึมซับพลังงานจากนอกโลก หรือพลังจักรวาลโดยตรงอย่างเต็มเปี่ยม”ผนวกกับคุณลักษณะมีความแข็งแกร่งของเนื้อวัตถุธาตุ มีสีดำสนิทดั่งนิล นิยมนำมาเจียระไนทำหัวแหวนเพราะยึดถือเป็นวัตถุธาตุศักดิ์สิทธิ์และยังมีความเชื่อว่ามี “เทพ” คุ้มครองจึงไม่แนะนำให้นำไปแกะสลักโดยไม่เชิญดวงวิญญาณออกก่อน เมื่อแกะสลักแล้วจึงค่อยเชิญดวงวิญญาณเข้าไปใหม่ทั้งนี้และทั้งนั้น “สะเก็ดดาว” เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเข้าฌาน เพื่อช่วยให้จิตเป็นไปในสภาวะสูงสุด มีฤทธิ์ชุ่มชื่นช่วยให้สามารถขยายและปลดปล่อยพลังที่ไม่ดี

นำไปสู่ร่างกายที่มีพลังกระปรี้กระเปร่า ตอบสนองได้ดีขึ้น น่าจะเหมาะกับยุคสมัยที่โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องกังวลใจ จึงช่วยในด้านการรักษา

ทั้งหมดเหล่านี้...เชื่อศรัทธากันเป็นอย่างมากว่า “สะเก็ดดาว”...“อุลกมณี” ช่วยเสริม และทำให้อาการเจ็บป่วย รวมถึงการบาดเจ็บฟื้นฟูได้เร็วยิ่งขึ้น...ก็เป็นได้

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม

----------------------------------

ขอขอบคุณ เจ้าของบทความๆๆ

สะเก็ดดาว(Tektite) "อัญมณีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระกฤษณะ"

สะเก็ดดาว(Tektite) หรือที่คนไทยเรียกว่า"อุลกมณี" มีหลายชื่อที่เรียกหากัน อุกกามณี แก้วข้าว สะเก็ดดาว เหล็กไหลต่างดาว คดปลวก พลอยจันทรคราส หยดน้ำฟ้า(ตามรูปร่างที่ปรากฏ) สะเก็ดดาว หรืออุลกมณี ตรงกับคำว่า "เทกไทต์(tektite)" ในภาษาอังกฤษ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า "เทกโตส(Tektos)" ในภาษากรีก ที่แปลว่า หลอมละลาย อุลกมณีที่พบจะมีเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่สีดำทึบคล้ายนิล บางชิ้นมีเนื้อในสีน้ำตาลใส บางชิ้นก็มีเนื้อโปร่งแสงสีเขียว(โมลดาไวต์(Moldavite) ซึ่งจริงๆจะนับเป็นเทกไทต์ชนิดหนึ่ง) ผิวของอุลกมณีจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ รูปลักษณ์สัณฐานของอุลกมณีไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลม ยาวแบน แท่งกลมยาว คนไทยบางท่านเชื่อว่าสามารถแบ่งอุลกมณี เป็นชนิดต่างๆตามรูปร่าง เช่น ตัวผู้(รูปทรงเป็นแท่งคล้ายลึงค์) หรือตัวเมีย(รูปทรงกลม) มนุษย์เรารู้จักอุลกมณีมานานแล้ว โดยเชื่อกันว่าเป็นสะเก็ดดาวจากนอกโลก ที่ตกเข้ามายังพื้นผิวโลก

แต่ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาและทราบว่าแท้จริงแล้ว อุลกมณี หรือ tektite เป็นทรายที่เกิดบนโลกที่เกิดจากการหลอมละลายจากความร้อนจากการพุ่งชนของอุกกาบาต ขณะที่ทรายในบริเวณดังกล่าว หลอมละลายและกระเซ็นขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเกิดการเย็นและแข็งตัวกลางอากาศ ก่อนจะตกกลับคืนสู่พื้นดิน จึงทำให้เกิดรูปร่างหลากหลายแบบ จากลักษณะของการกระเซ็นและการตกลงมา สีของอุลกมณีจะมีความแตกต่างกันจากการเกิด ซึ่งขึ้นกับธาตุที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวที่เกิดการหลอมละลาย มีแร่ธาตุอะไรเข้าไปผสมอยู่ด้วย

ลักษณะของสะเก็ดดาว ถูกนิยามโดย ฟรานซ์ อีดูอาต ซุเอส(Franz Eduard Suess (1867–1941)) นักธรณีวิทยาชาวออสเตรเลีย โดยกำหนดว่า:
1. องค์ประกอบโดยรวมต้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งก้อน
2. ปริมาณน้ำและสารระเหยอื่นๆ ต้องมีต่ำมาก
3. องค์ประกอบหลักต้องเป็นแร่ซิลิกาชนิดที่ไม่มีรูปผลึก(Lechatelierite)

4. ปกติจะไม่มีรูปผลึกขนาดเล็กที่มีชื่อเรียกว่า ไมโครไลต์(microlites) และต้องมีองค์ประกอบทางเคมีสัมพันธ์กับชนิดหินดานหรือหินตะกอนในบริเวณนั้น

5. มีการกระจายตัวแบบหว่านอยู่บนพื้นที่


แม้ว่า เมื่อดูสะเก็ดดาวเผินๆ คล้ายคลึงกับแก้วภูเขาไฟบางชนิด เช่น ออฟซิเดียน(obsidians) แต่ก็มีลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นแตกต่างจากแก้วชนิดดังกล่าว ดังนี้:
ประการแรกมันจะเป็นแก้วที่สมบูรณ์ และไม่มีไมโครไลต์(microlites) ซึ่งแตกต่างจากแก้วภูเขาไฟบนบก
ประการที่สองแม้ว่าจะมีซิลิกาสูง (มากกว่า> 65%) องค์ประกอบของสารเคมีและองค์ประกอบของไอโซโทปของสะเก็ดดาวใกล้เคียงกับหินชนวน และหินตะกอนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และแตกต่างจากองค์ประกอบทางเคมีและองค์ประกอบของไอโซโทปของแก้วภูเขาไฟ
ประการที่สามปริมาณน้ำ สะเก็ดดาวแทบไม่มีน้ำ (คือ น้อยกว่า <0.02% น้ำหนัก) ซึ่งแตกต่างจากแก้วภูเขาไฟ
ประการที่สี่การไหลเวียนของชั้นภายในสะเก็ดดาว มักมีอนุภาคและแถบของแร่ซิลิกาชนิดไม่มีรูปผลึก(lechatelierite) ซึ่งไม่พบในแก้วภูเขาไฟ
ประการสุดท้ายมีเพียงไม่กี่ส่วนผสมที่มีเพียงเล็กน้อยในสะเก็ดดาว ได้แก่ ควอตซ์ อะพาร์ไทต์(apatite) เซอร์คอน(zircon) แร่โคอีไซต์(coesite)



ส่วนใหญ่จะใช้ความแตกต่างของปริมาณน้ำ เพื่อนำมาใช้เพื่อแยกสะเก็ดดาวจากแก้วภูเขาไฟ คือเมื่อให้ความร้อนจนถึงจุดหลอมเหลวแล้ว แก้วภูเขาไฟจะเกิดฟองเนื่องจากการที่มีน้ำและสารระเหยอื่นๆเยอะกว่าเมื่อนำมาเทียบกับสะเก็ดดาวที่จะมีฟองน้อยกว่ามาก

ชนิดของสะเก็ดดาว

บนพื้นฐานของลักษณะทางสัณฐานวิทยาและทางกายภาพ สะเก็ดดาวได้รับการแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม โดยส่วนที่พบบนพื้นดินแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
(1) สะเก็ดดาวรูปทรงที่เกิดจากการสาดกระเซ็น (Splash-form Tektite) เป็นรูปแบบที่สามารถพบได้ทั่วไป เป็นสะเก็ดดาวขนาดเซนติเมตรที่มีรูปทรงคล้าย ทรงกลม กลมแบน หยดน้ำ ดัมเบลล์และรูปแบบอื่นๆ ที่มีลักษณะเฉพาะของรูปแบบการกระเซ็นของวัตถุหลอมละลาย ถูกมองว่าเกิดจาการแข็งตัวที่เกิดจากการหมุนของวัตถุหลอมละลาย

(2) สะเก็ดดาวแบบจานบิน(Aerodynamically Tektite) ซึ่งเป็นลักษณะส่วนใหญ่ของลักษณะที่ถูกหว่านในออสเตรเลีย มีลักษณะเป็นปุ่มมีแหวนรองหรือคล้ายหน้าแปลน

(3) สะเก็ดดาวเมืองนอง(Muong Nong Tektite หรือเรียกว่า สะเก็ดดาวแบบมีชั้น(Layered Tektite)) มักมีขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตร มีลักษณะไม่สม่ำเสมอและเป็นชั้น ๆ มีโครงสร้างที่มีชั้นมากมายและมีส่วนผสมของแร่ เช่น เซอร์คอน(zircon), บาฟดีเลไอต์(baddeleyite), โครไมต์(chromite), รูไทล์(rutile), คอรันดัม(corundum), คริสโตแบไรต์(cristobalite) และ โคอีไซต์(coesite)
ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2478 โดย อัลเฟรด ลาครอกซ์(Alfred Lacroix) นักธรณีวิทยาชาวฝรั่งเศส ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อเมืองที่ค้นพบ คือ เมืองนอง(Muong Nong) ในประเทศลาวซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ ที่เขาพบครั้งแรก


รูปแบบสาดกระเซ็น และรูปแบบจานบิน มีลักษณะที่แตกต่างกันเพียงลักษณะของรูปทรงและลักษณะทางกายภาพบางอย่างเท่านั้น



(4)ไมโครเทกไทต์(Microtektites) มีขนาดหลักมิลลิเมตรมักแสดงรูปทรงที่หลากหลายตั้งแต่ทรงกลมไปจนถึงดัมเบลล์ ดิสก์ รูปวงรี และหยดน้ำ สีของพวกนี้ มีตั้งแต่ไม่มีสีและโปร่งใส เป็นสีเหลืองและสีน้ำตาลซีด มักจะมีฟองอากาศและมลทินของแร่ซิลิกาชนิดที่ไม่มีรูปผลึก มักพบในตะกอนของทะเลลึกที่มีอายุเท่ากันกับพื้นที่ที่มีสะเก็ดดาวในออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีการค้นพบบนพื้นดินเหลือง(Loess)ของจีน และในบริเวณเทือกเขาวิคตอเรียในทวีปแอนตาร์คติกอีกด้วย

ชื่อของสะเก็ดดาวในแต่พื้นที่ของโลก

ชาวจีนจะตั้งชื่อว่า ลื่อ ง๊ง โม(Lei-gong-mo) แปลว่า "หินหมึกของเทพเจ้าสายฟ้า(Inkstone of the Thundergod)"

ชาวอะบอริจินเรียกสะเก็ดดาวว่า "มาบาน(Maban)" ซึ่งหมายถึง "เวทมนตร์"


ในอินเดีย จะเรียกสะเก็ดดาวว่า "ไซมันตากิมานี(Saimantakimani)" ซึ่งแปลว่า "อัญมณีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระกฤษณะ"

ชื่อภาษาสันสกฤตจะเรียกว่า "อัคกิ มานี(Agni Mani)" จะแปลว่า "ไข่มุกไฟ" หรือ "น้ำตาจากดวงจันทร์"

พวกเซมิติค(Semites) จะเรียกสะเก็ดดาวว่า"แบทิล(baetyls)" ซึ่งแปลว่า "บ้านของพระเจ้า"


ตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสะเก็ดดาว

คนไทยสมัยก่อน มีความเชื่อว่า อุกกามณี หรือ สะเก็ดดาว เป็นวัตถุอาถรรพ์ตามธรรมชาติ มีพลังในตัวในด้าน "กันไฟ" คนสมัยก่อนจึงนิยมนำมาวางที่โต๊ะหมู่บูชาเพื่อป้องกันอัคคีภัยในเรือนของตนนั้นเอง ทั้งนี้ด้วยเหตุที่อุกกาบาต ทนการเสียดสี ลุกไหม้ รุนแรง ก่อนมาถึงโลกและรอดมาได้ จึงถือว่า มีพลังทนไฟในตัวนั่นเอง

ประวัติศาสตร์ 2,000 ปีก่อนของจีน ลุ่ย เซิน(Liu Sun) ทำการอ้างอิงเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นคนแรกเกี่ยวกับสะเก็ดดาว โดยเรียกว่า ลื่อ ง๊ง โม(Lei-gong-mo) แปลว่า "หินหมึกของเทพเจ้าสายฟ้า(Inkstone of the Thundergod)"

ตำนานของชาวอินเดียแดงจะยกย่องสะเก็ดดาวในฐานะเครื่องรางที่บอกถึงอนาคตหรือผู้ส่งสาร

ชาวอะบอริจินในภาคกลางของออสเตรเลียเชื่อว่า จะมีความโชคดีที่ได้พบพวกมัน พวกเขาได้ใช้สะเก็ดดาวเป็นอัญมณีในเครื่องมือและอาวุธ และเชื่อว่าพวกเขาสามารถควบคุมสภาพอากาศหรือช่วยล่าสัตว์ได้

ชาวพื้นเมืองของเกาะบิลลิตุง(Billiton) ประเทศอินโดนิเซีย ที่บนเกาะนี้มีสะเก็ดดาวทรงหยดน้ำที่อุดมสมบูรณ์ และเรียกมันว่า "เมล็ดพันธุ์สีดำแห่งเวทมนต์" ซึ่งบนเกาะนี้มีดีบุกที่เยอะมากทำให้คนพื้นที่เชื่อว่า หากปลูกสะเก็ดดาวไว้ในดิน จะทำให้มีดีบุกที่อุดมสมบูรณ์

1600 ปีที่ผ่านมา เจ้าชายปูลาวามัน(Prince Pulavarman) มีชิ้นส่วนสะเก็ดดาว และทำให้ได้ครอบครองอาณาจักรแห่งมาลายา ชวาและเกาะใกล้เคียง ในนามอาณาจักรศรีวิชัย โดยราชวงศ์ได้ปกครองมาเป็นพันปี และเมื่ออัญมณีได้สูญหายไป จักรวรรดิก็สูญหายไปเช่นกัน และเมื่อ 400 ปีที่ผ่านมาสุลต่านแห่งมะละกาที่ มั่งคั่งและทรงอำนาจอ้างว่ามีในครอบครอง จนเจ้าหน้าที่ของศาลคนหนึ่งขโมยและขายให้ ดอน อัลฟองโซ อัลโบรเคอร์คิว(Don Alfonso d'Albuquerque) นายพลเรือชาวโปรตุเกส เขากลายเป็นคนที่มีอำนาจมากในพื้นที่และพิชิตมะละกา เมื่อเขาตาย สุลต่านคนอื่นก็ยึดอัญมณีคืนมา จนกระทั่งผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ เซอร์ สแตมฟอร์ด แร็ฟเฟิลส์ ซื้อสะเก็ดดาวจากชาวชวา ในราคาที่สูง และกลายเป็นชาวยุโรปที่มีอำนาจมากที่สุดในพื้นที่จนกระทั่งเขาสูญเสียมันไป และมาพบในภายหลังว่า มันได้กลับไปอยู่ที่เดิมของมันที่ชวา

ตำนานเกี่ยวกับอำนาจวิเศษของสะเก็ดดาว ยังคงมีมาถึงปัจจุบัน ศาสตร์เร้นลับสมัยใหม่ เชื่อว่าการเข้าถึงสะเก็ดดาวจะช่วยเพิ่มวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของคนคนหนึ่ง และมีประโยชน์ต่อการฝันที่ชัดเจน

ความเชื่อของสะเก็ดดาว

ความเชื่อของคนไทย เชื่อว่ามีเทพคุ้มครอง เชื่อกันว่ามีสรรพคุณเหมือนเหล็กไหล เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขายจึงเรียกว่า แก้วข้าว ในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง จะทำให้พืชพันธ์ให้ผลผลิตสูง เป็นนายแห่งอัญญมณีทั้งปวงช่วยขจัดพลังอัญมณีให้โทษ และเสริมฤทธิ์อัญมณีมีคุณทั้งปวง


ความเชื่อของต่างประเทศ สะเก็ดดาวเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเข้าชาน เพื่อช่วยให้จิตเป็นไปในสภาวะสูงสุด มีฤทธิ์ชุ่มชื่นช่วยให้สามารถขยายและปลดปล่อยพลังที่ไม่ดี นำไปสู่ร่างกายที่มีพลังกระปรี้กระเปร่า ตอบสนองได้ดีขึ้น

ในด้านการรักษา เชื่อว่าสะเก็ดดาวช่วยเสริม และทำให้อาการเจ็บป่วย รวมถึงการบาดเจ็บฟื้นฟูได้เร็วยิ่งขึ้น

คุณสมบัติทางกายภาพของสะเก็ดดาว
ทั่วๆไปชนิด แร่ซิลิกาชนิดที่ไม่มีรูปผลึก(Lechatelierite)สูตรเคมี
เฉพาะตัวสีดำ เขียว เหลือง น้ำตาล ไม่มีสีค่าความแข็งของโมร์5.5-6.5ความมันเงาคล้ายแก้วจนถึงทึบแสงผงของรอยแตกสีขาวค่าความถ่วงจำเพาะ2.34-2.51
- โอนเงินเข้าบัญชีชื่อ ********* เท่านั้น
- ระวังการให้ติดต่อทาง LINE เพื่อแจ้งบัญชีโอนเงินอื่น
หมดระยะเวลาแสดงประกาศแล้ว
siamfishing.com © 2025