Rainbow Trout @ Alaska: SiamFishing : Thailand Fishing Community
1234>
กระดาน
คห. 93 อ่าน 9,513 โหวต 19
Rainbow Trout @ Alaska
ตั้ง: 22 พ.ค. 64, 12:35
Rainbow Trout @ Alaska
การตก “ปลาเทร้า” ที่รัฐอลาสก้าในกระทู้นี้ เดิมทีผมตั้งใจจะนำมาบอกเล่าเก้าสิบ ให้เป็นกระทู้ถัดจากกระทู้ “ผ้าขาวม้าไทย ไปนิวยอร์ค” แต่ความต้องการกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมนั้น มันไม่สมัครสมานสามัคคีกันดังที่ได้ตั้งใจไว้ ทั้งนี้ ก็เพราะว่า “เวลา” ณ ขณะหนึ่งในชีวิต ได้จูงมือให้ผมก้าวเท้าเดินย่างเข้าไปสะดุดกับเรื่องราว ที่แทรกเข้ามาบนเส้นทางแห่งการตกปลา อีกทั้ง นานาจิปาถะต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งในรูปแบบที่อยากให้แวะเวียนเข้ามาหาบ่อยๆ และก็แบบที่ไม่อยากให้มันโผล่หน้าแวะผ่านเข้ามาในชีวิตเลย ดังที่กล่าวมานี้ มันทำให้เจ้าปลาเทร้าสีรุ้งตัวนี้ ไม่มีโอกาสว่ายออกมาจากกรุภาพถ่ายที่จัดเก็บไว้ใน Hard Disk แถมยังต้องเสียสละ เปิดทางให้กับกระทู้อื่นๆ ได้โลดโผนโจนทะยานไปตามลำดับเรื่องราวของเหตุการณ์นานาจิปาถะต่างๆ ที่แทรกตัวผ่านเข้ามาระหว่างช่วงเวลาของชีวิต ณ ขณะนั้น

จนกระทั่ง “เวลา” ได้สร้างเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่ได้เรียกว่ารัก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถติดต่อ ทักทาย แถมยังบังอาจพัฒนาให้ตัวมันกลายพันธุ์ สานสัมพันธ์ระหว่างคนสู่คนได้ง่ายกว่าเดิม อานุภาพของมัน ทำให้อวัยวะภายในร่างกายที่ใช้กักเก็บลมหายใจ ไม่สามารถทำงานได้คล่องตัว จนในที่สุดทำให้คนหายใจไม่เข้า และกลายร่างจากคนเป็นผีไปในที่สุด และไอ้เจ้าสิ่งเล็กๆ ที่ไม่ได้เรียกว่ารักนี้ มันทำให้พฤติกรรมของคนที่ถูกปกปิดไว้ด้วยมารยาททางสังคม เปลี่ยนไปจากเดิม เริ่มด้วยความกล้าที่จะ “ใส่หน้ากากเข้าหากัน” อย่างเปิดเผย ไม่ต้องซุกซ่อนปกปิดความนัยกันอีกต่อไป พฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปแบบนี้ ถือได้ว่า “เวลา” ได้นำพาให้มนุษย์ก้าวย่างเข้าสู่ยุคสมัยแห่ง “ความ(ผิด)ปกติในรูปแบบใหม่” หรือ ที่เรียกขานกันว่ายุค “New Normal” อย่างพร้อมเพรียงกันนั่นเอง

การย่างก้าวเข้าสู่ในยุคสมัยนี้ ส่งผลให้พฤติกรรมของมนุษย์เงินเดือน ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ตามยุคสมัย จากแรกเริ่มเดิมที เหล่าบรรดามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ต้องบังคับตัวเองให้ตื่นก่อนไก่โห่ เร่งรีบถีบตัวเองออกจากบ้าน แก่งแย่งกันใช้บริการสาธารณะ เดินทางจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง ให้ทันช่วงเวลาที่ มนุษย์เงินเดือนคนนั้น ได้ตกลงขาย “เวลาในชีวิต” กว่า 8 ชั่วโมง/วัน จำนวน 5 วัน/สัปดาห์ เพื่อ “กักขัง” อิสระภาพของตัวเองในห้องรูปทรงสี่เหลี่ยม แลกกับ “เงินตรา” ค่าตอบแทนเป็นรายเดือน และในยุคที่ผู้คน “ใส่หน้ากากเข้าหากัน” อย่างเปิดเผยนี้ มนุษย์เงินเดือนทั่วทุกหัวระแหงแห่งหน ได้เปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขา ไม่ต้องเร่งรีบเดินทางไปขังตัวเองอยู่ที่อื่นแห่งหนใด แต่กลับกลายมาเป็น “ขังตัวเองอยู่กับบ้าน” นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ (Work-from-Home) นั่นเอง (ก็ดีเหมือนกันนะ ประหยัดค่าเดินทาง แถมยังไม่ต้องมาเสียเวลาเลือกชุดทำงาน แต่ต้องลงทุนค่าน้ำ ไฟฟ้า และ internet เป็นต้น) เมื่อได้จังหวะว่างเว้นจากการนั่งอ่านสัญญาต่างๆจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมจึงมีโอกาสได้แวะเข้าไปสะกิดเจ้าปลาเทร้าตัวนี้ ให้ว่ายออกมาจาก Hard Disk เล่าขานการเดินทาง ณ กาลครั้งหนึ่งที่เคยไปใช้ชีวิตที่รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา (Alaska, United States of America) เรื่องราวการเดินทางจะเป็นอย่างไร ได้อรรถรสที่ถูกปากถูกใจใครหรือไม่นั้น ก็ต้องลองรับชมกันนะครับ

วิธีการใช้กระทู้: ไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างฟรีสไตล์ (Freestyle) และไร้ซึ่งพันธนาการ (เพราะได้ปลดเปลี้องออกไปหมดแล้ว) รับชมกันแบบสบายๆ ในบรรยากาศการท่องเที่ยว กิน ดื่ม ตกปลา ถ่ายรูป
     
คห.1: 22 พ.ค. 64, 12:36
การเดินทางเริ่มต้นจากมหานครนิวยอร
การเดินทางเริ่มต้นจากมหานครนิวยอร์ค (New York) ที่ตั้งอยู่ด้านฝั่งขวามือในแผนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ เช้าวันหนึ่ง ที่ผมต้องตื่นตีสาม (แม้จะยังอยากนอนต่อ แต่ต้องตื่น) ลุกขึ้นอาบน้ำ แปรงฟัน เตรียมตัวแบกกระเป๋าเดินทางไปที่สนามบิน JFK ในเวลาตีสี่ครึ่ง เพื่อตีตั๋วเช็คอินขึ้นไปนั่งๆ นอนๆ ดูหนังฟังเพลง ใช้ชีวิตบนอากาศ แวะจอดเปลี่ยนเครื่องบินที่รัฐโอเรกอน (Oregon) แล้วก็ขึ้นไปใช้ชีวิตต่อบนอากาศอีกหลายชั่วโมง มุ่งหน้าไปยังรัฐที่อยู่เหนือขึ้นไป ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือของแผนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ติดกับประเทศแคนาดาและก็ไม่ห่างจากประเทศรัสเซียเท่าไหร่ นั่นก็คือ รัฐอะแลสก้า (อะลาสก้า - Alaska)
แก้ไข 22 พ.ค. 64, 13:39
คห.2: 22 พ.ค. 64, 12:37
หลังจากการใช้ชีวิตกินๆนอนๆ อยู่บนฟ
หลังจากการใช้ชีวิตกินๆนอนๆ อยู่บนฟ้า ที่นานแสนนานได้ผ่านพ้นไป กัปตันก็พาผมเดินทางมาถึงสนามบินที่รัฐอลาสก้า(ซะที) จังหวะของ “เวลา” ที่ผมเดินทางไปถึงนั้น เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูร้อน (Summer Season) พอดี มองดูทิวทัศน์ผ่านจากอาคารผู้โดยสาร เห็นสภาพอากาศต้นฤดูที่แปรปรวน จึงชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนพอสมควร อากาศภายในอาคารผู้โดยสารขณะที่รอรับกระเป๋าสัมภาระ ถูกปรับอุณหภูมิให้รู้สึกแสนสบาย แต่พอเดินออกจากอาคารผู้โดยสารเท่านั้น ผมก็นึกขึ้นมาในใจว่า “ซัมเมอร์(ห่า)อะไรว่ะ...หนาวอิ๊บอ๋าย”
คห.3: 22 พ.ค. 64, 12:38
เมื่อเดินทางออกจากสนามบิน ก็มุ่งตร
เมื่อเดินทางออกจากสนามบิน ก็มุ่งตรงเดินทางเข้าบ้านพัก เก็บกระเป๋าเดินทาง และแล้วก็ได้เวลาไปหาของกินใส่ท้อง และธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับตัวผมนั้น ในทุกสถานที่ๆผมได้มีโอกาสแวะไป การมองสำรวจหา “เครื่องดื่มประจำท้องถิ่น” คือ พฤติกรรมที่ผมจะต้องเสาะแสวงหาหนทางไปด้อมๆมองๆถ่ายภาพมาเก็บไว้ให้ได้
คห.4: 22 พ.ค. 64, 12:39
อิ่มหนำสำราญจนหนังท้องตึง แต่หนังต
อิ่มหนำสำราญจนหนังท้องตึง แต่หนังตายังไม่หย่อน งั้นก็ขอไปเดินช้อปปิ้งก่อนก็แล้วกัน ที่แปลกสำหรับตัวผมก็คือ ผมไม่รู้สึกเมาเวลา (Jet Lag) อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเวลาที่นิวยอร์คและอลาสก้า จะแตกต่างกันประมาณ 4 ชั่วโมง สงสัยผมคงปรับสภาพความพร้อมเรื่องเวลาชีวภาพในร่างกายผมได้แล้วมั้ง หรือไม่ก็คงตุนระยะเวลาการนอนบนเครื่องมาเย๊อะแล้วมั้ง มันจะเป็นไปด้วยเหตุผลอะไร...ก็ช่างมันเหอะนะ ตอนนี้ขอเวลาไปช้อปปิ้งก่อนละกัน
คห.5: 22 พ.ค. 64, 12:39
ตัดภาพมาตอนเช้าวันที่สองของการไปใ
ตัดภาพมาตอนเช้าวันที่สองของการไปใช้ชิวิตที่รัฐอลาก้า ณ ขณะเวลาที่กำลังเอาน้ำร้อนผสมกาแฟเข้าไปกลั้วฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปากหลังตื่นนอนยามเช้า แบบชิวๆ สบายๆ มองชมวิวนอกหน้าต่างอยู่นั้น ภายในใจก็แอบคิดถึงเป้าหมายในวันนี้ เพราะวางแผนไว้ว่าจะไปตกปลาในทะเลสาบ (Lake) แห่งหนึ่ง (ไปแบบไม่มีอุปกรณ์อะไรซักอย่าง หิ้วแต่กล้องถ่ายรูปไปอย่างเดียว)
คห.6: 22 พ.ค. 64, 12:40
[b]“ใบอนุญาตตกปลา”[/b] (Fishing License) เป็นสิ่งท
“ใบอนุญาตตกปลา” (Fishing License) เป็นสิ่งที่ทุกคนหาซื้อได้ตามร้าน Department Store สนนราคาในการซื้อหามาซึ่งใบอนุญาต ไม่เกิน 15 เหรียญโดยประมาณ (เกือบๆ ห้าร้อยบาท) หากใครไม่หาซื้อใบอนุญาต เมื่อเจ้าหน้าที่มาขอตรวจแล้วไม่มีแสดงให้ดู ก็จะต้องเสียค่าปรับจำนวนสี่ซ้าห้าเท่า เป็นต้น ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ว่า “อะไรทำให้ผมต้องดิ้นรนขนขวายไปหาซื้อใบอนุญาตตกปลา” (เอาเป็นว่าถ้าผมหาซื้อไม่ได้ ผมจะไม่ตกปลาเลยประมาณนั้น) คิดไปคิดมา มันคงจะเป็นเรื่องของ “การบังคับใช้กฏหมาย” (Legal Enforcement) ละมั้ง เมื่อนึกถึงความเสี่ยง (Risk) ภาระแห่งความรับผิด (Obligation) และประวัติด่างพร้อยที่ไม่อยากให้มีติดตัว  กับสำนึกในความรับชอบเท่าที่พอจะมี (Conscience) ในการปฏิบัติตามครรลองแห่งกฎระเบียบ (Rules & Regulations) จึงสรุปและตัดสินใจได้ว่า การไปหาซื้อใบอนุญาตตกปลามาอยู่ในมือ มันอุ่นใจและไร้ซึ่งความเสี่ยงในค่าปรับจำนวนแสนแพง หากบ้านเรามีสภาพการบังคับใช้กฏหมายแบบนี้ จะดีบ้างไหมหรืออย่างไร (แอบคิดเล็กๆ)
คห.7: 22 พ.ค. 64, 12:40
โลจิสติก (Logistic) คือ การบริหารจัดการที่
โลจิสติก (Logistic) คือ การบริหารจัดการที่สำคัญอย่างยิ่งยวด ก่อนออกเดินทางไปตกปลาเสมอ เมื่อใดมันถูกไร้ซึ่งการใส่ใจ หรือปฏิบัติไม่ครบถ้วนพิธีการ อาการข้างเคียงมักจะเกิดขึ้นตามมาเสมอ (เคยเจอมาแล้วก็หลายครั้ง ไม่มีสมาธิตกปลา สายตาสอดส่ายมองหาแต่สุมทุมพุ่มไม้) อันดับแรก คือ “การจัดหาสารคาเฟอีน” สายพันธุ์อราบิก้าหรือโรบัสต้าก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอเลือกแบบร้อนๆ ค่อยๆ จิบ ให้คาเฟอีนดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ปรับสภาพสลึมสลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ให้เข้าสู่ภาวะตื่นตัว อันดับที่สอง คือ “การนำเอาอาหารมื้อใหม่ยัดใส่กระเพาะอาหาร” เพิ่มพลังก่อนออกเดินทาง และอันดับที่สาม ที่จัดให้เป็นพิธีการที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ “การลำเลียงเอาอาหารมื้อเมื่อวานที่ย่อยเรียบร้อยแล้วในลำใส้ใหญ่ออกมาจัดเก็บ” ให้เรียบร้อยเสมอ (ผมไม่อยากเอาตูดออกมารับลมหนาวในป่าข้างทาง เสี่ยงโดนจับปรับอีกด้วย) แต่ทริปนี้พิเศษกว่าการออกรอบตกปลาที่เมืองไทย ดังนั้น ก็ต้องมีพิธีการพิเศษเพิ่มเติม นั่นก็คือ การหาซื้อใบอนุญาตตกปลา และหาเสื้อกันหนาวแบบที่กันลมใส่ด้วย (เสื้อกันหนาวที่ซื้อมาจากเมืองร้อน ใช้ได้ไม่เหมาะสมกับอากาศในเมืองหนาว เพราะมันกันลมซึมผ่านได้ไม่ดีเท่าที่ควร) เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลา...เดินทางไปตกปลา
คห.8: 22 พ.ค. 64, 12:42
ณ ทางเข้าทะเลสาบ จะมีซุ้มประตูจัดไ
ณ ทางเข้าทะเลสาบ จะมีซุ้มประตูจัดไว้สำหรับให้ผู้เข้าใช้บริการพื้นที่สาธารณะ ชำระค่าธรรมเนียมบำรุงสถานที่ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือ มันไม่มีคนนั่งเฝ้าเพื่อคอยเก็บค่าธรรมเนียมซักคน ถ้าไม่แวะจอดชำระค่าธรรมเนียมได้ไหม คำตอบคือ “ได้” (ถ้าไร้สำนึก) และคุณต้องแบกรับความเสี่ยง หากถูกเจ้าหน้าที่แวะมาขอตรวจดูการชำระค่าธรรมเนียมนั้น คงถูกปรับในอัตราที่มากโขเอาการอยู่เช่นกัน ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสัย ก็อดคิดต่อไปอีกไม่ได้ว่า “อะไร คือ สิ่งที่ทำให้ผู้คนยึดถือปฏิบัติตามกฎระเบียบ” เช่นว่านี้ [(ไอ้)พวกแหกคอกไม่ปฏิบัติตามก็มี ตะแบง แถๆ มึนๆ ก็มีเยอะ...และก็มีอยู่ในทุกสังคมซะด้วย] อาจจะเป็น พันธุกรรมตั้งแต่เกิด การอบรมบ่มนิสัยที่ขัดเกลาจิตใจในครอบครัวตั้งแต่เล็ก การศึกษา จิตสำนึกที่มีต่อส่วนรวม เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็น “ค่าปรับเชิงลงโทษ” (Punitive Punishment) เมื่อถูกจับได้ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย คิดไปคิดมา ก็ยังไม่ได้คำตอบ ในที่สุดความคิดก็วกกลับมายังถิ่นที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ถ้าเมืองไทยมีแบบนี้บ้างละ...จะดีหรืออย่างไร (ชักอยากจะรู้)
แก้ไข 28 พ.ค. 64, 16:54
คห.9: 22 พ.ค. 64, 12:45
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยไปนั่งตกปลาอย่า
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยไปนั่งตกปลาอย่างสบายใจร่วมกับสาธารณชนคนทั่วไปอย่างมีความสุข ณ หนองน้ำสาธารณะไม่ไกลจากบ้านมากนัก พอเวลาล่วงเลยผ่านพ้นไปหลายขวบปี วันหนึ่งผมหวนกลับไปตกปลายังที่แห่งเดิม ก็เห็นป้ายเขียนข้อความสื่อถึงผู้รับสารทั่วไปว่า “ห้ามตกปลา หากฝ่าฝืน ปรับ 5 พันบาท” ประกาศโดย ผญบ. (ผญบ. มีอำนาจลง “โทษปรับ” ตามประมวลกฎหมายอาญาได้ด้วยวุ้ย) ยังมีอีกหนึ่งหนองน้ำสาธารณะ(อยู่คนละพื้นที่) เขียนข้อความบนป้ายประกาศไว้ว่า “ห้ามมิให้คนที่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านของหมู่บ้าน มาตกปลาในหนองน้ำ หากฝ่าฝืน จะปรับและริบอุปกรณ์ตกปลา จากมติชุมชนหมู่บ้าน” (การยกมือออกเสียงของคนกลุ่มหนึ่งในชุมชนหมู่บ้าน ถือเป็นการ “บัญญัติกฎหมาย” นอกสภานิติบัญญัติได้ด้วย แถมยังมีอำนาจ “ริบทรัพย์สิน” ตามประมวลกฎหมายอาญาได้อีกต่างหากวุ้ยนี้) โอ้! พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก

แต่แรกเริ่มเดิมที ในอดีตมันไม่เคยมีการป้ายเขียนปักห้ามไม่ให้ใคร เข้าไปใช้ประโยชน์สาธารณะ(ตกปลา)แต่อย่างใด แล้วไฉนใยวันนี้ จึงมีการหวงห้ามและกีดกัน (ถ้าเขียนข้อความว่าห้ามจับปลาในฤดูวางไข่ ตั้งแต่ระยะเวลาใดถึงเวลาใดนั้น จะไม่สงสัยคลางแคลงใจแต่ประการใด) สาเหตุนั้นย่อมเกิดจาก "การลดลงของจำนวนประชากรปลา" หรือไม่ จึงได้เกิดเป็นปรากฎการณ์หวงทรัพยากร กีดกันคนอื่นมาแย่งใช้สอย หรืออาจจะเป็นเพราะการพัฒนาสร้างอุปกรณ์เชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างปลากับนักตกปลาที่ดีกว่าเดิม (จากสายเอ็นธรรมดา กลายมาเป็นสายด้ายถัก ขาดยาก โอกาสได้ปลามีมากขึ้น) ประกอบกับปัจจัยที่มีนักตก(หา)ปลาหน้าใหม่ๆเข้าสู่วงการเพิ่มมากขึ้น ต่างคนต่างก็เริ่มอยากสร้างผลงาน ให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง และในโลกไซเบอร์ (Cyber) ตัวเล็กตัวใหญ่ที่ (กู)ตกได้ ก็จับ(แม่ง)เอาไปต้มยำทำแกงเสียหมด (Overfishing) ฤดูปลาวางไข่ (Fish spawning season) คืออะไร ใครจะสน (กู)ตกแค่ตัวพ่อมันนะ แต่(กู)ยังเหลือตัวแม่มันให้ดูแลลูกในครอกของมันนะ พอไอ้นี่ตกเอาตัวพ่อไป ไอ้โน่นคนใหม่เข้ามาแทนที่ แล้วก็คิดแบบเดียวกัน และก็ตกตัวแม่มันไปอีกตัวหนึ่ง สุดท้ายก็หมดสิ้นทั้งวงศาคณาญาติ ผลพวงของการ “เสพ” ทรัพยากรอย่างไม่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาในอนาตต (Overfishing) จึงทำให้เกิดสาเหตุนี้...อย่างงั้นหรือ...ฤ จะมีเหตุผลอีกหนึ่งอื่นใด...แล้วไฉนมันจึงเป็นเช่นนั้น...ขอฝากไว้ให้ท่านได้คิดพิจารณา
 
แก้ไข 28 พ.ค. 64, 17:04
คห.10: 22 พ.ค. 64, 12:46
ลืมเรื่องหวงห้ามคนนอกหมู่บ้านเข้า
ลืมเรื่องหวงห้ามคนนอกหมู่บ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ในหนองน้ำสาธารณะที่เมืองไทย แล้วเรากลับคุยกันเรื่องตกปลาที่อลาสก้ากันต่อดีกว่า การเข้าไปตกปลาและนำเอาเรือลงไปตกปลาในพื้นที่สาธารณะ ณ ที่แห่งนี้ ผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียม ตามอัตราที่กำหนด  ใส่ซองที่ได้จัดเตรียมไว้ให้กับผู้ที่เข้าไปใช้พื้นที่ทุกคน ณ ที่จุดลงทะเบียน เมื่อเอาเงินค่าธรรมเนียมใส่ซองเสร็จเรียบร้อย ก็หย่อนซองลงในกล่อง ให้หน่วยงานรัฐเอาไปใช้บรูณะพื้นที่สาธารณะในทะเลสาบ เพื่อประโยชน์สาธารณะต่อไป
คห.11: 22 พ.ค. 64, 12:46
หางบัตรลงทะเบียน ก็ฉีกเก็บไว้เป็นห
หางบัตรลงทะเบียน ก็ฉีกเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อการตรวจสอบ อัตราค่าใช้บริการตกปลาในพื้นที่สาธารณะนี้ดูที่ป้ายได้เลย เราจ่ายไป 15 เหรียญ เพราะเราใช้เรือลงไปตกปลาในทะเลสาบ (Boat Launch) จำนวนปลาที่สามารถนำกลับบ้านได้ก็ถูกจำกัด (ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะคนละไม่เกิน 3 ตัว) และต้องเป็นปลาที่โตจนได้ขนาดที่สามารถจับได้ด้วย สำหรับผม...สิ่งที่น่าสนใจในจุดลงทะเบียนนี้ ก็คือ ไม่มีเจ้าหน้าที่ใดๆ มานั่งเฝ้าเก็บเงินแต่อย่างใด ทำให้อดนึกสงสัยขึ้นมาอีกไม่ได้ว่า แล้วอะไรละ...ที่ทำให้ผู้คนปฏิบัติตามกฎระเบียบ การศึกษาใช่ไหม จิตสำนึกหรืออย่างไร หรือว่าการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัดกันแน่ (ช่างน่าคิด)
คห.12: 22 พ.ค. 64, 12:47
ขณะที่เรากำลังเตรียมเรือลงทางลาด (Ra
ขณะที่เรากำลังเตรียมเรือลงทางลาด (Ramp) นั้น ผมก็ขอเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ บริเวณไปเรื่อยๆ
คห.13: 22 พ.ค. 64, 12:47
นายแบบตัวน้อยกับกิจกรรมของเขา ณ ที
นายแบบตัวน้อยกับกิจกรรมของเขา ณ ที่แห่งนี้ ในเวลานั้น มันช่างสะดุดสายตาผมยิ่งนัก เห็นแล้วก็อดที่จะเก็บภาพแนวๆ Street Shot ไม่ได้เลยทีเดียว (ชักชื่นชอบการถ่ายภาพแนวนี้มากยิ่งขึ้นทุกวันละครับ มองเห็น ถ่ายทัน ก็ได้ภาพมา ท้าทายดีครับ)
คห.14: 22 พ.ค. 64, 12:48
เมื่ออุปกรณ์ตกปลาทุกอย่างถูกลำเลี
เมื่ออุปกรณ์ตกปลาทุกอย่างถูกลำเลียงขนลงเรือเรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมเดินทาง ผมของนั่งด้านหน้าเพื่อเก็บภาพ (แต่ก็แลกมาด้วยลมหนาวที่ปะทะด้านหน้าเรือเช่นกัน...เอาว่ะ อยากได้ภาพ ต้องยอม)
คห.15: 22 พ.ค. 64, 12:48
บรรยากาศระหว่างเข้าหมายตกปลา #1
บรรยากาศระหว่างเข้าหมายตกปลา #1
คห.16: 22 พ.ค. 64, 12:49
บรรยากาศระหว่างเข้าหมายตกปลา #2
บรรยากาศระหว่างเข้าหมายตกปลา #2
คห.17: 22 พ.ค. 64, 12:49
นั่งเรือมาได้ไม่นาน เราก็เดินทางมา
นั่งเรือมาได้ไม่นาน เราก็เดินทางมาถึงหมายตกปลา
คห.18: 22 พ.ค. 64, 12:49
หมายนี้อยู่ไม่ห่างจากบ้านพักและท่
หมายนี้อยู่ไม่ห่างจากบ้านพักและท่าจอดเครื่องบิน (ของใครก็ไม่รู้) เท่าใดนัก ว่าแล้วก็หย่อนสมอเรือ ปักหลักปักฐานที่หมายแห่งนี้กันเลย
คห.19: 22 พ.ค. 64, 12:50
เหยื่อตกปลา ก็เป็นเหยื่อสำเร็จรูปใ
เหยื่อตกปลา ก็เป็นเหยื่อสำเร็จรูปในขวดแก้ว ไม่ได้ใช้เหยื่อปลอม เหยื่อสด หรือเหยื่อหมักแต่อย่างใด
คห.20: 22 พ.ค. 64, 12:50
เหยื่อตกปลาส่วนใหญ่นั้น ผมมักจะเลื
เหยื่อตกปลาส่วนใหญ่นั้น ผมมักจะเลือกใช้เหยื่อปลอมตกปลา ไม่ว่ามันจะถูกผลิตขึ้นรูปทรงให้มีรูปร่างแบบไหน ผลิตจากวัสดุอะไร พลาสติกแข็งหรือไม่ ยางนุ่มหรือเปล่า หรือสีอะไรนั้น ก็เคยใช้มาแล้วหลากหลายอย่าง แต่ทว่า ในวันนี้ ณ ที่แห่งนี้ เหยื่อตกปลาในรูปแบบนี้ผมไม่เคยใช้มันมาก่อนเลย เคยใช้แต่เหยื่อหมักชนิดมีกลิ่น แบบที่ล้างมือฟอกสบู่อย่างดีแล้วก็ตาม แต่กลิ่นอันเย้ายวนของมัน ก็ยังติดคงทนอยู่กับนิ้วมือไปอีก 2-3 วัน ดังนั้น เหยื่อตกปลาครั้งนี้และแบบนี้ จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ต้อง...ขอลอง
คห.21: 22 พ.ค. 64, 12:50
กรรมวิธีในการผูกสายเข้าตัวเบ็ด ปรั
กรรมวิธีในการผูกสายเข้าตัวเบ็ด ปรับระดับความลึกตื้นของทุ่นลอยนั้น มิใช่ปัญหา เพราะเคยผ่านประสบการณ์นี้มาตั้งแต่เด็กๆ
คห.22: 22 พ.ค. 64, 12:51
เมื่อเกี่ยวเหยื่อเสร็จเรียบร้อยแล
เมื่อเกี่ยวเหยื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มองหาตำแหน่งที่จินตนาการ(ทึกทัก)เอาเองว่า ไอ้มุมโน้น ตรงนี้ หรือที่นั่น มันน่าจะมีปลาอยู่อาศัยใต้น้ำนะ เมื่อมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองเช่นว่านั้นแล้ว ก็บรรจงขว้างเหยื่อมันออกไป ณ ที่ตำแหน่งนั้น
คห.23: 22 พ.ค. 64, 12:52
เมื่อขว้างเหยื่อออกไปยังตำแหน่งที
เมื่อขว้างเหยื่อออกไปยังตำแหน่งที่ต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปก็คงหนีไม่พ้นการนั่งจ้องทุ่นที่หัวเรือ แล้วก็ “แอบหวัง” ให้ปลาเข้ามาฉวยเหยื่อ เออวุ้ย! ตกปลาแบบนี้ ก็ได้อีกอารมณ์หนึ่งเหมือนกันวุ้ย สบายจัง ไม่ต้องคอยเดินด้อมๆ มองๆ หาหมายกอหญ้าข้างๆ บ่อ สังเกตุจังหวะปลาขึ้นจิบน้ำ เพื่อตีเหยื่อปลอมหลอกล่อปลาให้มันมากัดเหยื่อ และก็ไม่ต้องมาคอยบรรจงสร้าง “มโนคติ” หลอกตัวเองจากการชักกระตุกคันเบ็ด หมุนเก็บสาย ลากเหยื่อยางนิ่มๆ ที่ใครต่อใครก็รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่มีชีวิต ลากมันเข้ามาในจังหวะโน่น จังหวะนี่ และก็จังหวะนั่น สุดแท้แต่ว่าใครจะมโนพกเพ้อให้เกิดเป็นจินตภาพอะไรต่อมิอะไรในหัวของตัวเอง...ไม่ว่ากัน แต่สิ่งสำคัญต้องอุปโลกน์ให้มัน “มีชีวิต” ด้วย มันถึงจะครบถ้วนกระบวนความ...ว่ากันไป   
คห.24: 22 พ.ค. 64, 12:53
ในขณะที่ชาวบ้านชาวช่องเขาเลือกกรร
ในขณะที่ชาวบ้านชาวช่องเขาเลือกกรรมวิธีในผูกมัดอุปกรณ์ตกปลาอย่างหนึ่ง แต่ตัวผมนั้น กลับเลือกวิธีการผูกมัดอีกอย่างหนึ่ง และมักจะปฏิบัติตรงกันข้ามกับชาวบ้านเขาอยู่เนืองๆ การเลือกวิธีการตกปลาที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องในเวลานั้น ก็ไม่ได้แปลว่าผมเชี่ยวชาญหรือเป็นกรู (ก็)รู้ในการตกปลาว่า ณ ที่แห่งนี้ ผมควรเลือกวิธีการตกแบบตกหน้าดิน ผมแค่ไม่อยากทำตามใคร และก็ไม่ได้สนใจใคร่รู้อะไรเลยซักอย่างว่าทำเลนี้ดี หรือตำแหน่งนั้นเหมาะที่จะใช้วิธีการตกปลาแบบไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด ไม่ว่าผมจะมีความคิด และ/หรือ วิธีการที่แตกต่างกับชาวบ้านชาวช่องเขาอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันและไม่แตกต่างกันเลย นั่นก็คือ “ความหวัง” (ลมๆแล้งๆ) หวังว่าจะมีปลาเข้ามาฉวยเหยื่อ ณ ที่ปลายสาย
คห.25: 22 พ.ค. 64, 12:54
นั่งตากแดดเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอย
นั่งตากแดดเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ที่หัวเรือสองชั่วโมงผ่านไป ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีปลาโฉบเข้ามาตอดเหยื่อแต่อย่างใด งั้นก็ขอพักกลางวันดีกว่า
1234>
siamfishing.com © 2025